แสงฟ้าก่อสร้างฯเผยตลาดรับเหมาก่อสร้างปี61ยังแข่งเดือด รายกลางแห่ดัมพ์ราคาลงหวังได้งานมาก ขณะที่บริษัทยืนราคาเดิม เน้นสร้างอาคารสูงเป็นหลัก ระบุมีBacklog ในมือมูลค่า 6,000 ล้านบาท จากประมาณ  21 โครงการ คาดครึ่งปีหลังได้งานก่อสร้างใหม่เพิ่มอีก10 โครงการ มูลค่า  3,000 ล้านบาท

นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการแข่งขันตลาดรับเหมาก่อสร้างในปี2561ว่า ยังมีแนวโน้มการเติบโตตามตลาดอสังหาฯ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างแข่งขันอย่างดุเดือด โดยผู้รับเหมาก่อสร้างบางกลุ่มมีการปรับราคาค่าก่อสร้างลงเพื่อรับงานก่อสร้างให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะคอนโดฯระดับกลางราคาก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท/ตารางเมตร ในขณะที่ในส่วนของบริษัทฯเองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการปรับราคาค่าก่อสร้างขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะปูนซีเมนต์ที่เป็นวัตถุดิบหลักไม่ได้ปรับสูงขึ้น ขณะที่เหล็กเส้นมีความผันผวนบ้างแต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ  ส่วนแรงงานก็ยังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลน

“ที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจอสังหาฯยังไปได้ดี จึงทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง  จึงทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นเติบโตตามไปด้วย ทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อรับงานก่อสร้าง ใครที่ราคาก่อสร้างต่ำจะสามารถรับงานได้ดี จะเห็นได้ว่าอัตราค่าก่อสร้างราคา 10,000 บาทปลายๆ /ตารางเมตร ยังลงมาตัดราคาเพื่อรับงานก็มีให้เห็น ”นพ.เชิดศักดิ์ กล่าว

 

ส่วนนโยบายการดำเนินงานของบริษัทฯว่ายังคงมุ่งเน้นการรับงานโครงการอาคารสูงจากภาคเอกชนเป็นหลัก ทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯมีงานก่อสร้างอยู่ในมือหรือBacklog มูลค่า 6,000 ล้านบาท จำนวนประมาณ  21 โครงการ ที่จะทยอยรับรู้ภายใน 2 ปี แบ่งเป็นงานในกรุงเทพฯ 18โครงการอีก 3 โครงการอยู่ในภูเก็ต หัวหินและศรีราชา ซึ่งจะมีงานก่อสร้างใหม่เติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าในการเติบโตไว้ 20% ซึ่งถือว่าเติบโตค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตกว่าเท่าตัว  โดยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีงานก่อสร้างใหม่ในมืออีก 10 โครงการมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้งานแล้ว 6-7 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างคอนโดฯของบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)โดยตั้งเป้าว่าจะมีBacklogทั้งปีอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกทำได้แล้ว 5,000 ล้านบาท