ฝ่ายวิจัยข้อมูล“คอลลิเออร์สฯ” เผยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัดพื้นที่ EEC ช่วงครึ่งแรกของปี 2561มีจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดฯรวมทั้งสิ้นกว่า 6 หมื่นยูนิต ขณะที่แรงซื้อต่างชาติซื้อเต็มเพดานตามกฎหมายกำหนด 49% คุ้มการลงทุนหลังเจ้าของโครงการงัดเทคนิคการขายในรูปแบบการันตีผลตอบแทน

 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล( ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตุพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้ง 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี และ จังหวัดระยองนั้น พบผลจากการที่ภาครัฐบูมการลงทุนในเขตุพื้นที่ EEC ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2561มีซัพพลาย(อุปทาน)ที่อยู่ระหว่างการขายจำนวนทั้งสิ้น 202,166 ยูนิต มีหน่วยขายไปแล้วทั้งสิ้น 140,021 หน่วย หรือคิดเป็นสัดส่วนการขายไปกว่า 69.2% โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม มีจำนวนทั้งสิ้น 95,424 ยูนิต และเป็นที่อยู่อาศัยประเภท บ้านจัดสรรมีจำนวนทั้งสิ้น 106,742 ยูนิต โดยในจำนวนหน่วยของคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายนั้นพบว่าสามารถขายไปแล้วจำนวน 78,995 ยูนิตหรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 82.7 % ขณะที่ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรนั้นมีสัดส่วนการขายไปแล้วกว่า 57 % หรือคิดเป็นจำนวนหน่วยที่ขายไปแล้วอยู่ที่ 61,026 ยูนิต

ทั้งนี้ ในจำนวนหน่วยที่เหลือขายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมนั้น พบมีหน่วยรวมเหลือขายทั้งสิ้น 60,132 ยูนิต โดยใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่EEC นั้นจะเห็นว่า จังหวัดชลบุรี มีหน่วยรวมที่เหลือขายมากที่สุดรวมทั้งสิ้น 40,172 ยูนิต กล่าวคือ ปัจจุบัน มีบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 437 โครงการ จำนวน 70,004 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 136,126 ล้านบาท ขายไปแล้ว 45,544 ยูนิต หน่วยเหลือขายประมาณ 24,460 ยูนิต ขณะที่มี คอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 227 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 305,115 ล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 91,034 ยูนิต ขายไปแล้ว 75,332 ยูนิต เหลือขายประมาณ 15,712 ยูนิต

ส่วนจังหวัดระยอง ปัจจุบัน มีบ้านจัดสรรที่อยู่ระว่างการขายทั้งหมด 41 โครงการ 12,814 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 53,302 ล้านบาท ขายไปแล้ว 7,741 ยูนิต หน่วยเหลือขายประมาณ 4,443 ยูนิต ขณะที่ปัจจุบัน มีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 4,958 ล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 3,336 ยูนิต ขายไปแล้ว 2,609 ยูนิต เหลือขายประมาณ 727 ยูนิต

 

ด้านจังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบัน มีบ้านจัดสรรที่อยู่ระว่างการขายทั้งหมด 41 โครงการ 12,814 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 53,302 ล้านบาท ขายไปแล้ว 7,741 ยูนิต หน่วยเหลือขายประมาณ 4,443 ยูนิต ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมนั้นมีอยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 2 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,060 ล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 1,054 ยูนิต ขายไปแล้ว 687 ยูนิต หน่วยเหลือขายประมาณ 367 ยูนิต

 

ต่างชาติปักหลักตลาดคอนโดฯพัทยา-ซื้อชนเพดาน 49%

นายภัทรชัย ยังกล่าวถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทคอนมิเนียมว่า ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมพัทยานอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่สนใจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่พัทยาแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติอีกมากมายที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันคอนโดมิเนียมที่ขายให้ต่างชาติด้วยกันนั้นส่วนใหญ่จะเต็มโควตาตามที่กฎหมายกำหนดคือ 49% ส่วนหนึ่งกลยุทธ์ในการขายที่การันตีผลตอบแทน

 

โดย Amio Holidays Co., Ltd นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดตัวโครงการ The Number One Jomtien Pattaya Tower 1 ในช่วงครึ่งปีหลังปีพ.ศ.2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเฟสแรกของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บนทำเลไฮไลท์ของหาดจอมเทียน ด้วยทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมหุ้นระหว่างนักลงทุนจากฮ่องกง มาเก๊า และจีน โดยมองเห็นถึงศักยภาพของเมืองชายทะเล ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคตะวันออก ทั้งยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ และสนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้กระแสตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

Sakura Capital Thailand Co., Ltd กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น ก็พัฒนาโครงการ Sakura Residence Condominium ในพัทยา บนทำเลเขาพระตำหนัก

 

กลุ่ม นิว นอร์ดิก กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากประเทศนอร์เวย์ ที่เข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาตั่งแต่ปีพ.ศ.2543 เป็นต้นมา ที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมบนพื้นที่เขาพระตำหนักแล้วกว่า 50 โครงการ โดยเน้นเทคนิคการขายที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า10% ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ การการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก

 

บริษัท โกลบอลท็อป กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากอิสราเอล ได้เข้ามาลงทุนในพัทยาตั้งแต่ปี 2548 โดย พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้ว 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 7,150 ล้านบาท

 

ไฮทส์ โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทการร่วมทุนอสังหาฯ ของนักธุรกิจชาวอิสราเอล และยุโรป โดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้วทั้งหมด 17 โครงการ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2549 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการ และขายให้กับลูกค้าต่างชาติ ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด โดยมีทั้งโครงการที่หาดจอมเทียน เขาพระตำหนัก พัทยาใต้ “รูปแบบการลงทุน จะเป็นลักษณะการร่วมทุน ระหว่าง บริษัท ไฮทส์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีฐานะเป็น Holding Company เข้าไปจับมือกับเจ้าของที่ดิน ที่ทำเลดีในพัทยา เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในรูปแบบที่ต่างกันไปตามความเหมาะสม และเงื่อนไขกฎหมายแต่ละทำเล โดยเจ้าของที่ดินเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายคนไทย ขณะที่ ไฮทส์ โฮลดิ้งส์ จะเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและพัฒนาโครงการ รวมทั้งการทำตลาดและบริหารการก่อสร้าง

 

Matrix Real Estate Development Co., Ltd ก็เป็นกลุ่มทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาตั่งแต่ปีพ.ศ.2547 ซึ่งปัจจุบันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้ว 6 โครงการ

 

บริษัท ทิวลิป กรุ๊ป กลุ่มทุนอิสราเอลอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติ ที่เข้ามาลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมในพัทยา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2545 โดยปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมที่พัทยาแล้ว 10 โครงการรวมมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 13,320 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขาย 7 โครงการแล้วอีก 3 โครงการหยุดการขายคือโครงการ Waterfront Suite and Residences Centara Grand Jomtien และ Centara gran Pratumnak

 

ยูนิเวอร์แซล กรุ๊ป กลุ่มทุนด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศอินเดีย ปัจจุบันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมพัทยาแล้ว 4 โครงการ มูลค่าลงทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท บนทำเลถนน จอมเทียน และนาจอมเทียน

บลูสกายกรุ๊ บริษัทกลุ่มทุนไทยอินเดีย ปัจจุบันลงทุนในพัทยา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2555 ซึ่งพัฒนาแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบรนด์แอตแลนติส, แกรนด์ แคริบเบียน, เวเนเชียน ,เอสปันญ่า และแกรนด์ ฟลอริด้า

นอกจากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่จาก กทม.ที่สนใจเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัฒนาแล้วอาทิ
บมจ. แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเมนท์ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแล้ว 4 โครงการ
บมจ. แสนสิริ พัฒนาแล้ว 2 โครงการและจะพัฒนาอีก 1 โครงการในปีนี้
บมจ. ศุภาลัย พัฒนาแล้ว 1 โครงการ
บจก. ไรมอนด์ แลนด์ พัฒนาแล้ว 4 โครงการ
บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ พัฒนาแล้ว 3 โครงการ
บมจ. เอสซี แอสเสท พัฒนาแล้ว 1 โครงการ
N C Housing พัฒนาแล้ว 2 โครงการ
บจก. เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ พัฒนาแล้ว 1 โครงการ
บมจ. เอ พี ไทยแลนด์ เคยเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาแล้วในปีพ.ศ.2558 แต่ภายหลังยกเลิกการขายและคืนเงินลูกค้า เนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
Fragrant Property PLC. ที่เคยสนใจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านนาจอมเทียนในปีพ.ศ.2558 แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหยุดการขาย