ศุภาลัย ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2561 กวาดยอดขาย 17,760 ล้านบาท เติบโต 33%  โกยรายได้รวม 11,158 ล้านบาท  เติบโต 13%  กำไรสุทธิ 2,092 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น 0.40 บาทต่อหุ้น เตรียมแผนบุกตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 3 เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง 9 โครงการ เพื่อผลักดันให้ทะลุเป้าหมายยอดขาย 33,000 ล้านบาทในปีนี้

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีแรก 2561 ว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งในส่วนกรุงเทพฯ และภูมิภาค ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จด้านยอดขายที่น่าพอใจ โดยสามารถทำยอดขาย 17,760 ล้านบาท เติบโตขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการ ทั้งสินค้าประเภทคอนโดมิเนียม และแนวราบ แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 48% และโครงการแนวราบ 52%  และคิดเป็น 54% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท  อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม  11,158 ล้านบาท เติบโต 13% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 56% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 44%

บริษัทสามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 2,092 ล้านบาท โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 54% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.43% ต่อปี ณ 30 มิ.ย. 2561 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 42,486 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2561 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 จำนวน 9,745 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 32,741 ล้านบาทในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 838 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 28 ส.ค.2561 และจ่ายปันผล วันที่ 11 ก.ย. 2561

 

ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวม 7,600 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และแนวราบ 9 โครงการ ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในโครงการแนวราบโดยพัฒนาแบบบ้านรูปแบบใหม่  New Look, New Brand : ESSENCE    โดยเปิดตัวโครงการแรกในทำเลกลางเมืองย่านลาดพร้าว ชื่อโครงการ “ศุภาลัย เอสเซ้นส์ ลาดพร้าว” บนพื้นที่ประมาณ  26  ไร่  จำนวน 190 แปลง  ด้วยบ้านใหม่ล่าสุด 3 ชั้น 3 แบบ 3 สไตล์  ทั้ งบ้านเดี่ยว  บ้านรุ่นใหม่ ทาวน์โฮม  โดยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับโครงการแนวราบ และปัจจุบันสามารถโกยยอดขายพุ่งสูงกว่า 700  ล้านบาท  และในเดือนตุลาคมนี้บริษัทเตรียมเดินหน้าตอกย้ำแบรนด์ ESSENCE เปิดตัวโครงการใหม่ย่านทำเลสวนหลวง ซึ่งเป็นโครงการที่ 2 และคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน

 

ขณะเดียวกันโครงการคอนโดมิเนียมได้มีการพัฒนาแบบห้องชุดรูปแบบใหม่ในโครงการแรก “ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117” ด้วยการออกแบบ 1 Bedroom Plus+ โดยมีพื้นที่เป็นห้องอเนกประสงค์ที่เป็นทั้งห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นจำนวนมากตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง และยังคงทยอยเข้ามาจับจองกันอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 60% เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทั้งรูปแบบห้องพักอาศัยที่หลากหลาย ทำเลที่ตั้งบนถนนสุขุมวิท  ใกล้รถไฟฟ้าสถานี  ปู่เจ้าสมิงพราย เพียง 200 เมตร และใกล้จุดเชื่อมต่อทางด่วนวงแหวนรอบนอก  ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง  และราคาที่คุ้มค่าทั้งการลงทุนหรือเพื่ออยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็มทั้ง Co – living space Co – working space เป็นต้น

 

ไตรมาส 3 บริษัทส่งโปรโมชั่นใหม่ต่อเนื่อง “ชุ่มฉ่ำ รับทองกับศุภาลัย” รับทองคำแท่ง หนักสูงสุด 10 บาท สำหรับลูกค้าที่จองโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ที่มีมูลค่า 7 ล้านบาทขึ้นไป และรับทองคำแท่งมูลค่า 7 บาท สำหรับโครงการที่มีมูลค่า 4-7 ล้านบาท  รับทองคำแท่งมูลค่า 5 บาท สำหรับโครงการที่มีมูลค่า 2-4 ล้านบาท รับทองคำแท่งมูลค่า 3 บาท สำหรับ โครงการที่มีมูลค่า 2 ล้านบาท หรือ เลือกรับฟรี ส่วนลดเงินสดสูงสุด 100,000 บาท + ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนฯ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2561

 

อีกทั้งเตรียมเดินหน้าตามแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง จำนวน 9 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ  จำนวน  7 โครงการ  ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ  ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คือ ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก – วงเวียนใหญ่ บนขนาดที่ดินประมาณ 2 ไร่ จำนวน 363 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด มีลูกค้าลงทะเบียนสนใจห้องชุดมากกว่า 1,000 คน และสามารถสร้างยอดขายในระยะเวลาที่รวดเร็ว เกือบ 90% มูลค่ากว่า 1,250 ล้านบาท ภายในวันเปิดจองอย่างเป็นทางการ

 

นอกจากนี้บริษัทยังได้รับใบรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2015 ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการรับรองในด้านการพัฒนาคุณภาพและระบบงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับระบบบริหารงานคุณภาพสู่มาตรฐานสากล ภายใต้แนวคิดการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพื่อสังคมไทย ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ทะลุเป้าหมายยอดขาย 33,000 ล้านบาทในปีนี้อย่างแน่นอน