สิงห์ เอสเตทฯเผยตลาดบ้านระดับ Ultra Luxuryยังโตต่อเนื่อง ล่าสุดพร้อมเปิดขายโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ระดับราคา 245-360 ล้านบาท มูลค่า 6,500 ล้านบาท แย้มทายาท “ภิรมย์ภักดี” ซุ่มซื้อ 1 ใน 3 หลัง มั่นใจปิดขายปี62 คาดทั้งปีกวาดยอดขายรวม 4,000-5,000 ล้านบาท รับรู้รายได้กว่า 2,000 ล้านบาท

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)หรือ S เปิดเผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ Ultra Luxury ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ายังมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ สำหรับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เองก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดเช่นกัน ล่าสุดได้พร้อมเปิดตัวโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ที่ถือเป็นที่ดิน 1 ใน 3 แปลง ที่ตระกูล “ภิรมย์ภักดี”ซื้อสะสมไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะก่อตั้งS ขึ้นมา  ที่เดิมตั้งใจจะพัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวสไตล์ลักชัวรี่ แต่เมื่อก่อตั้งS ขึ้นมาแล้ว ก็ได้ปรับแผนมาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวอัลตราลักชัวรี่ ซึ่งบริษัทฯตั้งใจที่จะให้โครงการดังกล่าวเป็นมาสเตอร์พีซและเป็นโครงการแฟลกชิพของS ซึ่งที่ดินทำเลศักยภาพนี้หาได้ยาก และเชื่อว่า “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส”จะเป็นแบรนด์ที่จะนำพาแบรนด์อื่นๆของ S ให้ตามมาด้วย และจะทำให้ S เป็น Leader Premier Developer ในที่สุด

 

 

ด้านนายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)หรือ S กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา และเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2559 ซึ่งความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น สวนทางกับจำนวนซัพพลายในตลาดมีน้อย อีกทั้งส่วนมากโครงการในระดับราคานี้มักเป็นบ้านเดี่ยวแนวสูงที่อยู่ใจกลางเมือง หรือบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณชานเมือง ซึ่งอาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ดังนั้นบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่และอยู่ในบริเวณรอบใจกลางเมืองจึงน่าจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มในจุดนี้ได้

 

“ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ค่อนข้างเติบโตเร็ว และส่วนใหญ่ตั้งอยู่นอกเมือง ซึ่งมั่นใจว่าโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” จะช่วยเติมเต็มและตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี”นายณัฐวุฒิ กล่าว

โครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 45 ไร่เศษ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 25 หลังๆละตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1,366-1,455 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 245-360 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท โดยได้มอบหมายให้บริษัทซีบี ริชาร์ด เอล ลิส (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้บริหารงานขาย ขณะนี้มียอดขายแล้ว 3 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยลูกค้า 1 ใน 3 รายดังกล่าว เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ส่วนอีก 2 รายก็เป็นนักธุรกิจ ซึ่งการซื้อบ้านในโครงการจะแยกเป็น 2 สัญญาคือที่ดิน และค่าก่อสร้างบ้าน

 

โดยลูกค้าที่จะซื้อบ้านได้ต้องผ่านการคัดสรรจากบริษัทก่อน  คือต้องเป็นบุคคลที่มีประวัติดี มีธุรกิจและมีแอสเสทหลักพันล้านบาท เมื่อลูกค้ามาอยู่ร่วมกันแล้วต้องมีความสงบสุข ขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนแล้วกว่า 100 ราย คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 2562  ซึ่งภายในปีนี้จะสามารถโอนที่ดินโครงการนี้ได้ 6 แปลง มูลค่า 600-700 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1ปีครึ่งภายหลังจากที่ปิดการขายแล้ว

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยจะมาจากยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ ดิ เอส สุขุมวิท36, ดิ เอส อโศก, อีส สุขุมวิท43และสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ขณะที่รายได้คาดว่าจะสูงกว่า 2,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 2,000 ล้านบาท