ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เปิดตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้าน – คอนโดฯเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบลดลงยกแผง ทั้งจำนวนโครงการ-จำนวนหน่วย – มูลค่าโครงการ

 

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวในฐานะรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC ถึงภาพรวมในช่วงครึ่งแรกปี 2561 เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ พบว่า โครงการบ้านจัดสรร มีการเปิดขายใหม่จำนวนประมาณ 91โครงการ 15,274 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 67,832 ล้านบาท ลดลงทั้งจำนวนโครงการ จำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการ โดยลดลง -25.4 -38.6 % และ -25.7 %  ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ส่วนโครงการอาคารชุด มีการเปิดขายใหม่จำนวน 56 โครงการ 25,252 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 100,491 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งจำนวนโครงการ จำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการ คือ -15.2 -17.0  % และ -15.5  % ตามลำดับ

ในด้านประเภทและราคาขายโครงการบ้านจัดสรรในช่วงครึ่งแรกปี 2561 พบว่าส่วนใหญ่คือ 66.9  % เป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ในระดับราคา 3.01- 5.00 ล้านบาท รองลงมา 24.7 % เป็นบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3.01 –5.00 ล้านบาท สำหรับบ้านแฝดเปิดขาย 6.9 % ส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ส่วนอาคารพาณิชย์พักอาศัยเปิดขายใหม่เพียง 1.5 % โดยเปิดขายในระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาทมากที่สุด

 

 “ทำเล” ของโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่ มากที่สุด 5 อันดับแรก ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ได้แก่ 1) จังหวัดสมุทรปราการ 2) ลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ 3) บางกรวย–บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย 4) บางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่และ 5) เมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก โดยใน 5 ทำเลนี้ ทาวน์เฮ้าส์เปิดขายใหม่มากที่สุดและส่วนใหญ่เปิดขายอยู่ในระดับราคา 2.01 -3.00 ล้านบาทยกเว้นทำเลบางกรวย–บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย ซึ่งเป็นทำเลที่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการแล้ว ทาวน์เฮ้าส์จะเปิดขายใหม่ในระดับราคาที่สูงกว่าทำเลอื่น คือ 3.01 – 5.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุดส่วนทำเลบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่ซึ่งเป็นทำเลที่มีแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว(ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ที่ยังไม่ก่อสร้างและมีแผนจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ จึงส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในทำเลนี้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จะขายในระดับราคา 5.01 – 7.00 ล้านบาทมากที่สุด

ในด้านประเภทและราคาขายของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนมีมากที่สุด 71.6 %  ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็นประเภทสตูดิโอ19.4  % ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 1.01 – 2.00 ล้านบาท ส่วนห้องชุดประเภท 2 ห้องนอนมีสัดส่วน 9.0 %  ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท สำหรับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปเปิดขายใหม่เพียง 0.03  % ซึ่งทั้งหมดเปิดขายในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท

 

“ทำเล”ของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรกในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ได้แก่ 1) ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง 2) ธนบุรี ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว(ช่วงตากสิน-บางหว้า)ที่เปิดให้บริการแล้ว และตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน(ช่วงหัวลำโพง-บางแค) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง3) บางซื่อ-ดุสิต ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-เตาปูน) และแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-เตาปูน) ที่เปิดให้บริการแล้ว 4) สมุทรปราการ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงสำโรง-สมุทรปราการ) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และ 5) นนทบุรี ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-เตาปูน) ที่เปิดให้บริการแล้ว ส่วนใหญ่เปิดขายห้องชุดประเภท 1 ห้องนอนในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท ยกเว้นทำเลบางซื่อ-ดุสิต ซึ่งเปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด

ดร.วิชัย ยังกล่าวถึงที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลว่า หากพิจารณาในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ มีจำนวนหน่วย 59,209หน่วย เพิ่มขึ้น 12.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 52,737 หน่วย โดยที่เพิ่มขึ้นมาจากประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น 12.8 % ส่วนที่อยู่อาศัยอาคารชุดเพิ่มขึ้น 11.8 %

การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลครึ่งแรกปี 2561 มีจำนวน 91,966 หน่วย และมีมูลค่า 256,780 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 33.0 % และมูลค่าเพิ่มขึ้น 39.9 %  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมียอดโอนกรรมสิทธิ์ 69,172 หน่วย และมีมูลค่า 183,500 ล้านบาท โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุด มีจำนวน 44,759 หน่วย คิดเป็น 48.7 % ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 26,343 หน่วย คิดเป็น 28.6 % บ้านเดี่ยวมีการโอนจำนวน 12,901หน่วย คิดเป็น 14.0 % อาคารพาณิชย์พักอาศัยมีการโอนจำนวน 4,633 หน่วย มีสัดส่วน 5.0 % และบ้านแฝดมีการโอนจำนวน 3,330 หน่วยมีสัดส่วน 3.6 %