สยามกลการ จ่อนำที่ดินโชว์รูมนิสสัน-ฮอนด้าแปลงศักยภาพใจกลางเมือง  ผุดคอนโดฯ-โรงแรม-อาคารสำนักงาน สอดคล้องสภาวะตลาด หวังสร้างรายได้เพิ่ม ล่าสุดนำที่ดินสะสมย่านบางละมุง 660 ไร่ พัฒนาสนามกอล์ฟแห่งที่ 4 “สยามคันทรีคลับ พัทยา นิวคอร์ส” ด้วยงบลงทุน 2,122 ล้านบาท  คาดเปิดให้บริการปี 62 ตั้งเป้าลูกค้าใช้บริการ 40,000 ราย/ปี

 

 

ดร. พรเทพ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด และบริษัทในเครือ เปิดเผยว่าปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มสยามกลการ ถือว่ายังมีสัดส่วนที่น้อยมาก ในอนาคตกลุ่มสยามกลการ มีแผนจะนำที่ดินในเมืองที่มีศักยภาพมาพัฒนาเพิ่มมาก โดยเฉพาะในส่วนของที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโชว์รูมรถยนต์นิสสัน โดยกลุ่มสยามกลการ มีนโยบายในการลดจำนวนโชว์รูมรถยนต์นิสสันในประเทศลง โดยจะยกเลิกโชว์รูมที่มีขนาดเล็ก และมีรายได้ไม่คุ้มกับค่าบริหารจัดการ ทำให้ ณ ขณะนี้ยังมีโชวร์รูมนิสสันที่เปิดให้บริการอยู่ 6 แห่ง และฮอนด้า 1 แห่ง

 

โดยโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า ปทุมวัน ที่มีแผนปิดกิจการลงนั้น ยืนยันว่าความสัมพันธ์กับกลุ่ม ฮอนด้า ยังดีอยู่และไม่ได้มีปัญหาใดๆ เพียงแต่เห็นว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีศักยภาพสูง สามารถนำไปพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างรายได้ที่ดี ประกอบกับบริษัทมีนโยบายลดโชว์รูมรถยนต์ โดยเฉพาะโชว์รูมที่มีต้นทุนไม่คุ้มค่าบริหารจัดการลง

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพนักงานในโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า ปทุมวัน ทราบว่า กลุ่มสยามกลการ มีแผนจะปิดกิจการโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า เพื่อนำแปลงที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า ซึ่งมีศักยภาพด้านอสังหาฯ สูงไปพัฒนาโครงการอสังหาฯ ประเภทโรงแรม หรือออฟฟิศให้เช่า เนื่องจากทำเลย่านปทุมวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ด้านตรงกันข้ามกับศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอร์รี่ เป็นที่ต้องการของกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาฯ อย่างมาก เนื่องจากดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัย ออฟฟิศให้เช่า รวมถึงธุรกิจโรงแรม ในย่านดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ที่ดินที่เหมาะแก่การพัฒนาและมีขนาดที่ดินที่เหมาะสมหายากมาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ดินแปลงใหญ่เหลือแล้ว

“ปัจจุบันสยามกลการ มีโชว์รูมที่ยังเปิดให้บริการเพียง 7 แห่ง จากในอดีตมี 13 แห่ง  ซึ่งศูนย์ที่ยังเปิดให้บริการ ได้แก่ สำนักงานใหญ่ พระราม 1  ลาดพร้าว บางจาก บางนา วิภาวดี เพชรบุรีตัดใหม่ และประเวศ  ส่วนอีก 1 แบรนด์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายคือฮอนด้ามี 1 แห่ง ที่สาขาสะพานหัวช้าง ขณะเดียวกันผลกระทบจากภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่าจะเตรียมบังคับใช้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า มีผลอย่างมากที่ต้องนำเอาที่ดินโดยเฉพาะแปลงที่อยู่กลางเมืองออกมาพัฒนา”   ดร.พรเทพ กล่าว

 

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรญี่ปุ่นและศึกษาในรายละเอียด  เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูในย่านใจกลางเมือง  เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพของที่ดิน ที่เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการนิสสันมาพัฒนา ที่บางแห่งจะต้องทยอยปิดตัวลง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

ปัจจุบันสยามกลการ มีโชว์รูมที่ยังเปิดให้บริการเพียง 7 แห่ง จากในอดีตมี 13 แห่ง  ซึ่งศูนย์ที่ยังเปิดให้บริการ ได้แก่ สำนักงานใหญ่ พระราม 1  ลาดพร้าว บางจาก บางนา วิภาวดี เพชรบุรีตัดใหม่และประเวศ  ส่วนอีก 1 แบรนด์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายคือฮอนด้ามี 1 แห่ง ที่สาขาสะพานหัวช้าง ขณะเดียวกันผลกระทบจากภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่าจะเตรียมบังคับใช้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า มีผลอย่างมากที่ต้องนำเอาที่ดินโดยเฉพาะแปลงที่อยู่กลางเมืองออกมาพัฒนา

 

สำหรับธุรกิจสนามกอล์ฟนั้นมองว่า ภาพรวมธุรกิจสนามกอล์ฟในประเทศไทย ณ ปัจจุบันการแข่งขันยังไม่สูงมากนัก แม้ว่าปริมาณผู้นิยมกีฬากอล์ฟ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้มีการขยายตัวสูง ขณะเดียวกันจำนวนสนามกอล์ฟที่เปิดให้บริการในประเทศไทยไม่ได้ขยายตัวเร็ว หรือเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยคาดว่าในประเทศไทยมีสนามกอล์ฟที่กระจายตัวเปิดให้บริการไม่เกิน 210 สนาม ซึ่งในจำนวนนี้พื้นที่ที่มีการแข่งขันกันมากที่สุดคือ สนามกอล์ฟในโซนภาคตะวันออก ส่วนพื้นที่ที่มีสนามกอล์ฟเปิดให้บริการมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ

 

โดยในส่วนของบริษัทเองนั้นมีที่ดินสะสมอยู่ที่ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อยู่มากกว่า 6,000 ไร่ ซึ่งได้ทยอยนำมาพัฒนาตั้งแต่ปี 2515 ในรูปแบบของสนามกอล์ฟภายใต้ชื่อ “สยามคันทรีคลับ” ที่ก่อนหน้านี้พัฒนาไปแล้ว 3 สนาม คือ Siam Country Club Pattaya Old Course สนามขนาด 18 หลุม, Siam Country Club Pattaya Plantation สนามขนาด 27 หลุม และ Siam Country Club Pattaya Waterside สนามขนาด  18 หลุม (ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 578,000 คน คาดว่าในปี 2563 จะมีสมาชิกเพิ่มอีก 200,000 คน หรือ 35%) และมีบางส่วนที่มอบให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประมาณ 565ไร่ เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังได้จัดสรรให้กับ มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อลงทุนพัฒนาเป็นศูนย์ ฝึกอบรมด้านดนตรีบำบัด ซึ่งบริษัทได้ร่วมลงทุนกับมหาวิทยามหิดลและธนาคารกรุงเทพฯ

 

ซึ่งมองว่าปัจจุบันภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ขณะที่การลงทุนภาครัฐมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งได้มีแผนในการพัฒนาการคมนาคมเพิ่มระหว่างกรุงเทพถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา รวมไปถึงการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ทำให้พื้นที่ในภาคตะวันออกได้รับอานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐ ส่งผลให้การท่องเที่ยวเติบโตได้ดี และมีการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จึงได้นำที่ดินสะสมอีก 660 ไร่ มาพัฒนาสนามกอล์ฟแห่งที่ 4 “สยามคันทรีคลับ พัทยา นิวคอร์ส”  (Siam Country Club Pattaya News Course) ขนาด 18 หลุม ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 2,122 ล้านบาท  พร้อมเปิดบริการเดือนกันยายน 2019   ซึ่งจะส่งผลให้โครงการ “สยามคันทรีคลับ” มีสนามกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จำนวน 4 สนาม รวม 81 หลุม

“สยามคันทรีคลับ พัทยา นิว คอร์ส เป็นสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม 7,259 หลา, 72 พาร์ เน้นการออกแบบผสมผสานแบบย้อนยุคไปกับภูมิศาสตร์ ตามธรรมชาติของพื้นที่ โดยไฮไลท์ อยู่ที่หลุมที่ 15, 16 และ 17 ที่นักกอล์ฟจะตื่นตากับเกมส์ และการเล่นระดับของสนาม ซึ่งมี 2 Fairway โดยคาดว่าหลังการเปิดให้บริการจะมีลูกค้ามาใช้งานกว่า 40,00 0 ราย/ปี โดยลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มนักกอล์ฟ และนักกีฬาชาวต่างชาติ 75 % ส่วนอีก 25 % เป็นกลุ่มลูกค้าและนักกอล์ฟไทย และปัจจุบันบริษัทยังคงเหลือที่ดินสะสมประมาณ 1,000 ไร่เศษ ซึ่งมีแนวคิดจะนำไปพัฒนาเพื่อรองรับด้านการกีฬาในอนาคต” ดร.พรเทพ กล่าวในที่สุด