แอสเซท ไฟว์ฯ เผยมาตรการธปท. ไม่กระทบยอดขายโครงการหรู หวั่นตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 8 ล้านบาท หลังประกาศบังคับใช้มาตรการซัพพลายยังล้นแน่ แนะควรแบ่งเกรดลูกค้าให้ชัดเจน ป้องกันปัญหาภายหลัง เปิดแผนปี 62 จ่อแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมรุกเปิด 2 โครงการใหม่  ด้าน “วนา เรสซิเดนซ์” ยอดขายพุ่งแล้ว 30 % คาดปิดการขายได้ปีหน้า

 

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอทเซท ไฟว์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด  เปิดเผยถึงมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าไม่ค่อยมีผลกับยอดขายโครงการของบริษัท โดยเฉพาะโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์” เพราะมีการกำหนดให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 15 % และวางเงินจองทำสัญญาอีก 5 % อยู่แล้ว แต่มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งมีซัพพลายมากอยู่แล้ว เมื่อมาตรการของธปท. มีผลบังคับใช้ เชื่อว่าซัพพลายก็จะมากขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยากให้ธปท. เลือกเฉพาะกลุ่มลูกค้า และแบ่งเกรดให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหา ซึ่งในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มีการวางเงินดาวน์ถึง 30 %

 

“มองว่าในช่วงระยะหลังๆ มานี้ ธนาคารจะประเมินราคาโดยไม่สมเหตุสมผล ทางที่ดีธปท. ควรไป Control วิธีการประเมินของธนาคารพาณิชย์มากกว่า คือต้องฉีดยาให้ถูกจุด ไม่ใช่มากำหนดให้วางเงินดาวน์ 20 % สำหรับบ้านหลังแรกที่ราคาเกิน 10 ล้านบาท และบ้านหลังที่สอง” นายศุภโชค กล่าว

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของในปี 2562 มีแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
เพราะธุรกิจอสังหาฯ ถือว่าเป็น Capital Market ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางออกที่จะทำให้อยู่รอดคือ การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งสามารถระดมเงินทุนได้หลายรูปแบบ ขณะนี้ได้ที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

ด้านแผนการลงทุนของบริษัทฯ นั้นจะดำเนินการไปตามทิศทางของตลาด โดยปัจจุบันอุปทานคอนโดฯ มีสูง ผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น รวมไปถึงบริษัทฯ ด้วย แม้ว่าที่ดินใกล้เมืองจะหายาก แต่ก็ยังพอมีเหลือให้พัฒนา เพราะมีทำเลใหม่จากถนนตัดใหม่ใกล้ใจกลางเมืองตัดผ่านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องมีการสำรวจว่าซัพพลายในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร โดยหลักการซื้อที่ดินนั้นขึ้นอยู่กับเกมของแต่ละราย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นไปพัฒนาทำเลไหนก็ขายหมด ส่วนรายกลาง-เล็กต้องมีความแม่นยำในทำเลที่จะพัฒนาให้มาก

 

โดยในปีหน้านั้น บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 2 โครงการ คือ การนำที่ดินพื้นที่ 16 ไร่ บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล่า) เยื้องกับโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์” มาพัฒนาโครงการแนวราบต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบและศึกษาข้อมูลว่าจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “วนา เรสซิเดนซ์” หรือแบรนด์ใหม่ หากเป็นแบรนด์วนาฯ จะสามารถพัฒนาได้ประมาณ 51 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,600 ล้านบาท

 

ส่วนอีกแปลงมีแผนจะพัฒนาย่านใจกลางเมือง อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน หากมีการพัฒนาก็จะเป็นอาคารสูงกว่า 20 ชั้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

นอกจากนี้ทางครอบครัวยังมีที่ดินสะสมในย่านรัชดาภิเษกเหลืออีกประมาณกว่า 10 ไร่ แต่ยังไม่มีแผนนำออกมาพัฒนา ซึ่งต้องรอจังหวะและโอกาสอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนความคืบหน้าโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 20 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับลักชัวรี่ ขนาดตั้งแต่ 53-136 ตารางวา ราคา 28-44 ล้านบาท   จำนวน 69 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท   หลังเปิดพรีเซลเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 500 ล้านบาท หรือประมาณ 30 % และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปี 2562

 

“ในครึ่งแรกของปีนี้โซนตะวันออกของกทม. มีโครงการแนวราบเปิดตัวประมาณกว่า 7,000 ยูนิต ส่วนทำเลถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล่า มีโครงการแนวราบเปิดตัวประมาณ 4 โครงการ แต่ละโครงการมีจำนวนยูนิตไม่มากนัก ดังนั้นจึงถือว่าการแข่งขันยังไม่สูงมาก อีกทั้งราคาขายก็ใกล้เคียงกัน ในส่วนของวนา เรสซิเดนซ์ จะเน้นบ้านขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยมาก สามารถอยู่อาศัยได้ถึง 3 เจนเนอเรชั่น” นายศุภโชค กล่าว

 

อย่างไรก็ตามในปี 2561 นี้คาดว่าแอสเซท ไฟว์ฯ และบริษัทในเครือจะสามารถทำยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท และตัวเลขดังกล่าวจะไปรับรู้รายได้ในปี 2562

 

ด้าน นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท  ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนขายโครงการ กล่าวถึงภาพรวมและการเติบโตบนพื้นที่ทำเลกรุงเทพฯ โซนฝั่งตะวันออกว่า ภายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ ได้มีการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวในจำนวนที่ใกล้เคียงกันคือ ปีละประมาณ 10,000 กว่ายูนิต และจำนวนค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ซึ่งภายในครึ่งปีแรกของ ปี 2561 นี้นั้น ได้มีการเปิดขายโครงการแล้วกว่า 7,000 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่เทียบเท่ากับช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อนๆ ที่ได้มีการเปิดตัวการขาย

 

ตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า supply ของแนวราบกลับมามีบทบาทในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นในปีถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากแผนการขยายการคมนาคมที่จะมีขึ้นในอนาคต เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผู้พัฒนาโครงการต่างๆ หันมาพัฒนาโครงการเพื่อรองรับการขยายตัวของผู้อยู่อาศัยในแถบนี้มากขึ้น ซึ่งจากจำนวนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับบ้านเดี่ยวในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาส 2 ของปี  2561 นั้น พบว่าทั้งหมดมีจำนวนการออกใบอนุญาตถึง 433 ราย โดยการออกใบอนุญาตดังกล่าวในโซนกรุงเทพฝั่งตะวันออกมีมากถึง 271 ราย ซึ่งคิดเป็น 63 % ของทั้งหมด

สำหรับ วนา เรสซิเดนซ์ ซึ่งนับว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่อันดับต้นๆ บนถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ซึ่งได้เปิดขายเพียง 1 เดือนเศษ แต่สามารถทำยอดขายไปถึง 30 % หรือกว่า 500 ล้านบาท นับว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก และเชื่อว่าจะยังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องต่อไป