ณวรางค์ แอสเซทฯเตรียมรับมือมาตรการธปท.เพิ่มเงินดาวน์จาก12%เป็น 20% เปิดแผน 3 ปี ผุดคอนโดฯทำเลรองย่านกลางเมือง มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท  ไตรมาส4/61 บริษัทฯจ่อเปิดตัว “ณ วีรา พหลฯอารีย์”มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท  และคอนโดฯไฮไรส์  ย่านเจริญนคร ในต้นปี62 คาดปีนี้รายได้รวม 600-700 ล้านบาท

 

นายอภิภู พรหมโยธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด เปิดเผยถึง มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่ต้องการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยว่า บริษัทก็เตรียมแผนรับมือที่จะปรับตัวรับกับมาตรการด้วยเช่นกัน โดยการเพิ่มเงินดาวน์ จากเดิมอยู่ที่ 12% เป็น 20% ในอนาคต แต่ในช่วงปีนี้เชื่อว่าสถาบันการเงินที่บริษัทขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่นั้นจะมีวิธีการรับมือได้ ส่วนในปี2562 ทิศทางของมาตรการธปท.จะเป็นเช่นไร ก็คงต้องมาพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.5 ล้านบาทขึ้นไปนั้น สถาบันการเงินยังไม่ค่อยมีความกังวลในการปล่อนสินเชื่อมากนัก แต่หากเป็นระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท สถาบันการเงินอาจจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

 

ในส่วนของบริษัทฯเองภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการ “ณ วรา เรสซิเดนซ์”ซึ่งเป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น บริเวณซอยหลังสวน ที่ปิดการขาย 100% ภายในวันเดียว  ส่งผลให้บริษัทฯเดินแผนการพัฒนาโครงการอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง โดยภายในระยะ 3 ปี(2561-2563)ตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท จะเน้นการพัฒนาคอนโดฯย่านใจกลางเมืองเป็นหลัก แต่เป็นทำเลรองจากทำเลหลัก ซึ่งยังมีซัพพลายไม่มาก แต่ยังมีความต้องการของดีมานด์อยู่  โดยจะเน้นเปิดตัวปีละประมาณ 2 โครงการ เป็นคอนโดฯสูงประมาณ 8 ชั้น ที่ดินตั้งแต่ 250 ตารางวาขึ้นไป มูลค่าโครงการประมาณ 200-300 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินแต่ละแปลง

 

“เป้าหมายของเราคือการพัฒนาโครงการเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริง เราจึงวางแผนการพัฒนาโครงการเพียงปีละ 2-3 โครงการในทำเลที่มีศักยภาพเท่านั้น ไม่เน้นปั้นของหวือหวา หรือการเปิดตัวโครงการปีละหลายสิบโครงการ เนื่องจากเราต้องการให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพและการขาย ที่สามารถสร้าง ขาย โอน ปิดโครงการได้จริง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค และทำให้บริษัทเองก็สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายอภิภู กล่าว

โดยในไตรมาส4/2561 บริษัทฯได้เปิดตัวคอนโดฯใหม่อีก 1 โครงการ คือ “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” (Na Veera Phahol-Ari)  ตั้งอยู่บริเวณซอยพหลโยธิน 14 บนพื้นที่ 200 ตารางวา สูง 8 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 23-33 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.4-3.8 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 110,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 78 ยูนิต มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ณวรางค์ พหลโยธิน จำกัด  ซึ่งจะเปิดพรีเซลในปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าคนไทยเป็นหลัก โดยมอบหมายให้บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นที่ปรึกษาและบริหารการขาย  ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 1/2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2563

 

“ที่ดินแปลงนี้เราเพิ่งซื้อมาในปีนี้ ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 300,000-400,000 บาท/ตารางวา ซึ่งถือเป็นทำเลรองจากหลังสวน  ที่มีการแข่งขันสูง  และที่ดิน Freehold ค่อนข้างหายาก เพราะผู้ถือครองส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะ ไม่มีความเดือดร้อนทางการเงิน แต่ทำเลพหลโยธินจะมีความเป็น Home คล้ายๆกับหลังสวน เราจึงมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ และมั่นใจว่าโครงการจะตอบโจทย์ดีมานด์ เนื่องจากราคาที่ขายจะถูกกว่าโครงการระดับเดียวกันที่เปิดขายในย่านนั้น” นายอภิภู กล่าว

 

ปัจจุบันทำเล “อารีย์-พหลโยธิน” เป็นย่านที่กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์รวมอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยจากการสำรวจพื้นที่ย่านพหลโยธินของบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้   มาร์เก็ตติ้ง จำกัด พบว่า ทำเลดังกล่าวมีอาคารสำนักงานเกรด A และโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่งเปิดใช้งานถึง 3 อาคาร ขณะเดียวกัน ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีทั้งโครงการมิกซ์ยูส โรงพยาบาล และสำนักงานเปิดใหม่อีกหลายแห่ง ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการทำงานและใช้ชีวิตย่านนี้ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

นอกจากนี้ในปี2562 บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาคอนโดฯไฮไรส์ สูงเกิน 8 ชั้น ย่านเจริญนคร อีกด้วย โดยขณะนี้ได้เจรจาซื้อที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวนเกือบ 2 ไร่ สามารถพัฒนาได้ 1 อาคาร คาดว่าราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท  ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

สำหรับโครงการ “เดอะ ปอร์ติโก หลังสวน” ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ปอร์ติโก พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ สูง 5 ชั้น บนที่ดิน 1 ไร่เศษ โดยเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 3,500 ตารางเมตร ราคาเช่าเฉลี่ยที่ 1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน ปัจจุบันมีผู้เช่าสัดส่วน 95%  ซึ่งในอนาคตอีกประมาณ 3 ปีบริษัทมีแผนที่จะรีโนเวทโครงการดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับกับการเติบโตในซอยหลังสวน ที่จะมีโครงการคอนโดฯ และโครงการมิกซ์ยูส พัฒนาแล้วเสร็จอีกหลายโครงการ ส่วนจะรีโนเวทในรูปแบบไหนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 600-700 ล้านบาท จากการทยอยโอนโครงการ “ณ วรา เรสซิเดนซ์”หลังสวน และรายได้จากธุรกิจให้เช่าอีกประมาณ40-50 ล้านบาท   ส่วนในปี2562 จะรับรู้รายได้จากการโอนส่วนที่เหลือจากโครงการดังกล่าวอีกประมาณ 200-300 ล้านบาท และจากโครงการ “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” หากยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ก็จะสามารถรับรู้รายได้ในปลายปี2562 หรือต้นปี 2563