ไนท์แฟรงค์ฯ เผยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา 9 เดือนแรกของปี 2561 ส่งสัญญาณบวกหลังจากซบเซาต่อเนื่องมาหลายไตรมาส พบซัพพลายใหม่มีเข้ามาทำเลจอมเทียนมากสุดกว่า 3,100 ยูนิต คิดเป็น 65 % ของซัพพลายใหม่ทั้งหมด ตลาดต่างประเทศมีชาวจีนและรัสเซียเป็นผู้ซื้อหลัก

 

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าตลาดคอนโดมิเนียมพัทยากลับมาส่งสัญญาณบวกหลังจากซบเซาต่อเนื่องมาหลายไตรมาส โดยระหว่าง ม.ค.–ก.ย. ปี 2561 มีจำนวนยูนิตเปิดใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 4,800 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ทั้งปีกว่า 83% หรือประมาณ 2,200 ยูนิต ทั้งนี้จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย พบว่า สัดส่วนของซัพพลายใหม่ในพัทยา ระหว่าง ม.ค.–ก.ย. ปี 2561 อยู่ที่จอมเทียนกว่า 3,100 ยูนิต หรือคิดเป็น 65 % ของซัพพลายใหม่ทั้งหมด ในขณะที่พัทยากลางและนาจอมเทียนได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการเป็นอันดับ 2 และ 3 ด้วยสัดส่วนซัพพลายใหม่ที่ 13 % และ 9 % ตามลำดับ ส่วนทำเลอื่นๆ อย่างพัทยาใต้ และพระตำหนัก มีซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดรวมกันประมาณ 320 ยูนิต คิดเป็น 13 % ของซัพพลายใหม่ทั้งหมด

อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมในพัทยาระหว่างปี 2552–ไตรมาส 3 ปี 2561

 

อุปทานคอนโดมิเนียมใหม่ในพัทยา ระหว่าง ม.ค.–ก.ย. ปี 2561 โดยแยกตามพื้นที่

ด้านยอดขาย พบว่า ยอดขายเฉลี่ยของยูนิตที่เปิดขายใหม่เหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 62 % ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าราวๆ 12 % เนื่องจากมีซัพพลายใหม่เข้าสู่ตลาดช่วง 9 เดือนแรกในปริมาณค่อนข้างสูง โดยตลาดต่างประเทศมีชาวจีนและรัสเซียเป็นผู้ซื้อหลัก ส่วนทำเลที่ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ พัทยากลาง พัทยาใต้ และนาจอมเทียน ขณะที่ภาพรวมด้านราคาเสนอขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของยูนิตเปิดใหม่ระหว่าง ม.ค.–ก.ย. 2561 อยู่ที่ 118,510 บาท โดยราคาเสนอขายเฉลี่ยของโครงการระดับลัคซูรี่อยู่ที่ประมาณ 130,000 บาทต่อตารางเมตร

อุปสงค์ อุปทาน และอัตราการขายสะสมของคอนโดมิเนียมในพัทยา ระหว่างปี 2552 – ไตรมาส 3 ปี 2561

 

ราคาเสนอขายเฉลี่ยของอุปทานใหม่รายปีในพัทยา (บาท/ตร.ม.)

สำหรับสถานการณ์ตลาดในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2561 คาดว่า ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ กำลังซื้อจากต่างประเทศที่ยังสนใจอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน รัสเซีย และยุโรปหลายประเทศ ซึ่งผู้ซื้อกลุ่มนี้มีทั้งซื้อเพื่อลงทุน และเพื่ออยู่อาศัยเอง ในขณะที่ปัจจัยที่อาจส่งผลลบคือนโยบาย Macroprudential สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ดังนั้นฝ่ายวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทยคาดการณ์ว่านโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อชาวไทยบางส่วนที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในพัทยาเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือซื้อเพื่อลงทุน