“สิงห์ เอสเตท”  ชู 4 ยุทธศาสตร์หลักพร้อมก้าวขึ้นเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” เน้นกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน  เตรียมงบลงทุน 8.5 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปีขยายธุรกิจทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ  มั่นใจปี 2562 รายได้ตามเป้า 2 หมื่นล้านบาท

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S”  เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ ว่าในช่วง 5 ปี (ปี 2562-2566 ) บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งสิ้นกว่า 58,000 หมื่นล้านบาท (ลบ.)โดยเม็ดเงินที่จะลงทุนดังกล่าวมาจากรายได้จากการลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ และจะเริ่มกลับเข้ามาเป็นรายได้ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งคาดว่ามีรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากการโอนโครงการที่พักอาศัยที่ทยอยสร้างเสร็จ ได้แก่ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส, บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รวมทั้งการรับรู้รายได้เต็มปี จากอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์, โรงแรม Outrigger 6 โรงแรม และเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์  ทำให้ภาพรวมในปี 2562 จะเป็นปีที่บริษัทฯ จะมีการเติบโตในระดับสูงและมีความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความพร้อมในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ เม็ดเงินที่จะนำมาลงทุนนั้นมาจาก การระดมทุนระยะยาว ผ่านการตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การทำ credit rating เพื่อการออกหุ้นกู้  เป็นต้น  ปัจจุบันบริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงิน (ดบ.) กว่า 3 %  มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.5 เท่า คาดว่าในปี 2562 สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ 1.2  เท่า พร้อมกันนี้สำหรับสัดส่วนรายได้จากขายและธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) ในปี 2566 อยู่ที่ 50 : 50  ส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศจะเป็นสัดส่วน 30-40 %

 ชู 4 ยุทธศาสตร์หลักมุ่งสู่ “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี”

ทั้งนี้ การลงทุนนั้นจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพทุกกลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกับมุ่งพัฒนาแบรนด์ให้เป็น “Leading Premium Brand” ระดับสากล ด้วยการชูยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” (Global Holding Company) ผ่านกลยุทธ์หลัก ประกอบไปด้วย

 

  1. Reputable Global Holding Company บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็น Global Holding Company ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล มุ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ กระจายการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลก ภายใต้กลยุทธ์ Smart M&A ซึ่งปัจจัยสำคัญคือความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ที่เอื้อให้สามารถรองรับโอกาสทางการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทฯ วางแผนระดมทุนระยะยาว ผ่านการตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การทำ credit rating เพื่อการออกหุ้นกู้ ตลอดจนการเป็นหุ้นยั่งยืน (Sustainability Investment Stock) นอกจากนี้บริษัทฯ วางแผนยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการในต่างประเทศ (Management Capability Enhancement) โดยโครงการสำคัญที่จะเปิดในปี 2019 คือโครงการ CROSSROADS ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์
  2. Singha Estate Branding เพื่อตอกย้ำจุดยืนของการเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” (Global Holding Company) บริษัทฯ มุ่งสร้างแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ให้เป็นแบรนด์ชั้นนำและน่าเชื่อถือในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีกต่อผู้ถือหุ้นและสินค้า) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการชีวิต SMART Human Technology นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาบนพื้นฐาน Good Corporate Citizenship สู่การเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนในระดับโลก (Global SD Brand) เพื่อสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

 

  1. Business & Organization of Tomorrow คือการปรับองค์กรให้มีความพร้อมในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัว ทั้งในด้านธุรกิจ portfolio และการดำเนินการ นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสินทรัพย์ประเภทใหม่ ธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูงในระยะยาว โดยธุรกิจใหม่ที่ลงทุนต้องได้ผลตอบแทน 14 % ขึ้นไป และคืนทุนภายใน 8-9 ปี

 

  1. Sustainable Development ด้วยหลักปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทฯ ได้นำแนวคิดเรื่องความสมดุลของการอยู่ร่วมกัน (Harmonious Co-Existence) และการสร้างองค์ความรู้ (Body of Knowledge) มาใช้ผ่านกิจกรรมหลายอย่างในหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะช่วยชุมชนให้มีความยั่งยืนในตัวเอง (Self-sustained Communities) ผ่านการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน (Social Enterprise) และทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านความยั่งยืนในระดับสากล นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกดัชนี Dow Jones Sustainability Indices: DJSI ในปี 2562

 

“ผมมั่นใจที่จะนำบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าและบรรลุเป้าหมายใหม่ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งเราได้เตรียมงบลงทุน 85,000  ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัทอีกด้วย” นายนริศ

นายนริศ กล่าวเสริมว่า สำหรับในปี 2562  บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท (จากทั้งหมด 85,000 ล้านบาท) ยังคงวางแผนลงทุนในคอนโดมีเนียมอีกอย่างน้อย 1-2 โครงการ แต่ละโครงการมีมูลค่าการก่อสร้างกว่า 4,000 ล้านบาท   ขณะที่ธุรกิจสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก หรือ โครงการมิกซ์ยูส  คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างและเปิดตัวอีก 1 โครงการติดกับอาคารซันทาวเวอร์ บริเวณถนนวิภาวดี-รังสิต