เสนาฯ โชว์ผลดำเนินงานแกร่งไตรมาส 3/61 ทำกำไรสุทธิ 196.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% และมีกำไรงวด 9 เดือน อยู่ที่ 586.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ มั่นใจผลดำเนินงานทั้งปีโตตามเป้าหมาย มองเกณฑ์สินเชื่อใหม่แบงก์ชาติ ช่วยเร่งผู้บริโภคตัดสินใจซื้อในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แจงแผนไตรมาส4/61 เปิดคอนโดใหม่ 2 โครงการ “แบรนด์นิช โมโน” มูลค่า 7,000 ล้านบาท – เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า  1,000  ล้านบาท    


 

นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบและแนวสูงเปิดเผยถึง ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้แม้ว่าจะมีปัจจัยในเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยจะมีผลบังคับใช้เกณฑ์สัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ภาพรวมช่วงไตรมาสที่ 4 จนถึงต้นปีหน้าก่อนที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้นั้น ด้านผู้บริโภคจะช่วยเร่งตัดสินใจซื้อและโอน ขณะที่ผู้ประกอบการเองจะมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อส่งผลให้ยอดขายในภาพรวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

 

สำหรับผลดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/2561 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 196.7 ล้านบาทหรือคิดเป็น 18.2% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 44.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสามารถทำยอดขาย 7,066 ล้านบาท เติบโต 100% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 94% (รวมโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น) และโครงการแนวราบ 6% เทียบเท่ากับ 69% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้       10,300 ล้านบาท อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 3,900.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

โดยรายได้หลักมาจากการทยอยโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย โครงการแนวราบ 12% และจากโครงการคอนโดมิเนียม79% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 586.5 ล้านบาท คิดเป็น 15.1% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 276.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 89.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท ทั้งนี้แบ่งเป็นยอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมสูงสุด 2,589.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบ้านเดี่ยว/ทาวน์โฮม/อาคารพาณิชย์ มีการรับรู้รายได้ 667.4 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 46.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการเช่าและบริการ 507.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  106.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ส่วนรายได้จากธุรกิจโซลาร์ มีรายได้ 37 ล้านบาท  ลดลง 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และรายได้อื่นๆ 98.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น108.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 จะมีโครงการที่พร้อมทยอยโอนหลายโครงการ ได้แก่ นิชไอดี เพชรเกษม – บางแค มูลค่าโครงการ 704 ล้านบาท นิช ไอดี พระราม 2 – ดาวคะนอง มูลค่าโครงการ 614.5 ล้านบาท โครงการนิช ไอดี เสรีไทย มูลค่าโครงการ 703.3 ล้านบาท และโครงการ Shop House 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 673.5 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,200 ล้านบาทและเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท  เติบโต 20% จากปีก่อน โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน(Backlog) ณ. สิ้นเดือนกันยายน 2561 อยู่ที่ 9,101.92 ล้านบาท  (รวมโครงการ JV จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง, นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์,นิช โมโน เจริญนคร และปีติ เอกมัย) โดยในยอดดังกล่าว มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ พร้อมโอนประมาณ 1,500 ลบ. ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้

 

สำหรับช่วงไตรมาส 4/2561 ทางบริษัทมีแผนเปิดตัว 2 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 7,151 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการนิช โมโน เมกะ สเปซ บางนา คอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น จำนวน 795 ยูนิต มูลค่า 2,220 ล้านบาท Pre-Sale (17 พ.ย. 2561) มียอดจอง 140 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท และโครงการ นิช โมโน รามคำแหง  คอนโดมิเนียม ตึก A สูง 38 ชั้น ตึก B สูง 32 ชั้น และตึก C, D,E 7 ชั้น  รวมทั้งสิ้น 1,700  ยูนิต มูลค่า 4,931 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองแล้ว 95 ยูนิต มูลค่า 254 ล้านบาท

 

โดยในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 3 ปี 2 เดือน จำนวนรวมไม่เกิน 1,000,000 หน่วย มูลค่าหุ้นกู้รวม 1,000 ล้านบาท สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ดังกล่าว คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับ 4.60 % โดยแต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและจะเริ่มเปิดจองซื้อในวันที่11-13ธันวาคมนี้