SC เปิดตัว‘Nishitetsu’ พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ผู้นำในภูมิภาคคิวชู ตั้งบริษัทร่วมทุน “เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน” พร้อมตั้ง “มานิจ บรรจงธนกิจ”ขึ้นแท่นเอ็มดี นำร่องผุดคอนโดฯปี62 ภายใต้แบรนด์  “The Crest”ทำเลห้าแยกลาดพร้าว ด้านทุนญี่ปุ่นเผยมั่นใจศักยภาพSC-เศรษฐกิจไทย

 

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์เชิงรุกจากโรดแมป SC-Reinvention 2020 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนว่า ล่าสุดได้ร่วมทุนกับ Nishitetsu Group (NNR)บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้นำในเขตภูมิภาคคิวชู (Kyushu) และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2491มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Fukuoka ซึ่งอยู่ในเขต  prime commercial zone ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ 85 แห่งทั่วโลก และ ดำเนิน  5 ธุรกิจหลักสำคัญ ได้แก่ 1.ธุรกิจด้านขนส่งคมนาคม  2.ธุรกิจโลจิสติกส์  3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4. ธุรกิจด้านค้าปลีก และ 5.ธุรกิจอื่นๆ  โดยที่ผลประกอบการรายได้เตรียมขึ้นแท่น  380,000 ล้านเยน ในปี 2561  ด้วยการก่อตั้งบริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด  ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียนรวม 1,200 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนถือหุ้นระหว่าง  SC  55% และ NNR  45% พร้อมกับแต่งตั้งนายมานิจ บรรจงธนกิจ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ

 

โดยสาเหตุของการร่วมทุนด้วยกันคือ 1.มีวิสัยทัศน์ด้วยวิธีคิดแบบเดียวกัน ภายใต้การส่งมอบคุณค่าด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า 2.ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท และ3.โอกาสสำหรับอนาคต เพื่อการลงทุนธุรกิจอสังหาฯ รูปแบบอื่น ๆ  ตามโรดแมป ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SC

 

โดยโครงการนำร่องที่จะพัฒนาในปี 2562   เป็นคอนโดฯใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เดอะเครสท์” (The Crest)   บนพื้นที่กว่า 1.9 ไร่ ทำเลโดดเด่นสุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์รวมคมนาคมแห่งอนาคตและตั้งอยู่ใจกลาง North CBD แวดล้อมด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำ ศูนย์การค้า  และ Mega Project มากมาย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดโครงการได้

 

 

ด้านนายฮิโรชิเกะ โฮริเอะ เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท นิชิ นิปปอน เรลโรด จำกัด กล่าวว่า การร่วมทุนกับ SC  เพราะมีความมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งของSC ประกอบกับประเทศไทยมีการเติบโตที่โดดเด่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่น ที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับประเทศในแถบอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้  จึงเป็นการผสานจุดเด่นของสองบริษัท ทั้งด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพ  เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต