นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเผยปี62เตรียมรับมือเศรษฐกิจโลกสงครามการค้าฯส่งผลกระทบไทย นักลงทุนชะลอซื้ออสังหาฯ จับตาที่ดินแนวรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แห่ระบายสู่ตลาดเพียบ เชื่อที่อยู่อาศัยราคา 2-5 ล้านบาทดีมานด์ยังต้องการต่อเนื่อง

 

 

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 ว่า จะเผชิญกับปัจจัยกดดันค่อนข้างมาก ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทุกราย ซึ่งปัจจัยกดดันหลักที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 คือ เศรษฐกิจโลกที่กลับมาสู่สภาวะชะลอตัวอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่จะชะลอตัวตามไปด้วย ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเกิดจากการที่ 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ของโลก คือ สหรัฐฯและจีน ได้เริ่มทำสงครามการค้ากัน และยังไม่มีความแน่นอนว่าสงครามการค้าจะคลี่คลายลงแน่นอนหรือไม่ โดยสงครามการค้าที่เกิดขึ้นกระทบกับเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างมาก และเมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ทำให้เกิดเป็นลูกโซ่มาถึงประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียนที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับจีน รวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้การส่งออกเกิดการชะลอตัว และมีผลต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลงตาม โดยที่จะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้ตอบรับกับปัจจัยการกลับมาชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นทุกประเทศปรับตัวลดลงตามกัน มีส่วนที่สะท้อนภาพความไม่มั่นใจในการลงทุน ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนมากขึ้น และผลตอบแทนที่มีแนวโน้มลดลง และนักลงทุนยังมีเงินลงทุนบางส่วนที่จมอยู่ ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ เพราะยังขาดทุนอยู่ ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป รวมถึงการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วย

 

“ปัจจัยลบที่สำคัญในปี 2562 ที่ทุกคนจะต้องเจอคือ ภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สุด ซึ่งไม่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะหากเศรษฐกิจโลกไม่ดี เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้นยาก ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลมาจากต่างประเทศปรับอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ ทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจำนวนมาก หากไทยไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามก็จะทำให้มีเงินไหลออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่” นายอธิป กล่าว

 

นายอธิป กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านราคาที่ดินทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้ายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มเฉลี่ย 10% ตามปกติ และมองว่าคงไม่เห็นภาพการนำที่ดินในกรุงเทพฯออกมาขายแข่งกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ…. เริ่มประกาศใช้ เพราะที่ดินในกรุงเทพฯมีจำนวนที่จำกัด และมูลค่าที่ดินในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังสามารถเก็บที่ดินไว้ได้ แต่ไนต่างจังหวัดจะเริ่มเห็นการระบายที่ดินออกมามากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นโครงการที่ใกล้มีความชัดเจนในการลงทุนมากที่สุด  และที่ดินในเมืองที่อยู่ในหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีโอกาสจะเห็นผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อรองรับกับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ประกอบกับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดที่อยู่ในเมืองในจังหวัดใหญ่เริ่มมีมากขึ้น ทำให้เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะกลับเข้าไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดอีกครั้ง

 

ขณะที่ราคาขายคอนโดมิเนียมจะปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5% จากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าต้นทุนการก่อสร้างจะยังทรงตัว และยังคงเห็นผู้ประกอบการยังเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อไป เพราะยังเป็นสินค้าที่ยังมีความต้องการซื้ออยู่ ส่วนราคาที่อยู่อาศัยแนวราบคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 2% โดยที่ตลาดที่อยู่อาศัยราคา 2-5 ล้านบาท ยังเป็นตลาดที่สามารถไปต่อได้ดี เพราะเป็นกลุ่มที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาดังกล่าวอยู่มาก

 

ส่วนลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนจะชะลอตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัว และกฎเกณฑ์ของรัฐบาลจีนที่ควบคุมมากขึ้น แต่มองว่าอสังหาริมทรัพย์ไทยยังมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศในแถบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพราะประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางของ AEC มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเกิดขึ้น ทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยยังมีความน่าสนใจอยู่มาก