โตโต้ (ประเทศไทย) ผู้นำสุขภัณฑ์ไฮเทคโนโลยี เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องหวังใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าโตโต้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน  เตรียมขึ้นโรงงานผลิตแห่งที่ 3ในปี 2563 ด้วยกำลังการผลิต 45,000 ชิ้นต่อปี ต่อจากโรงงานผลิตแห่งที่ 2 เม็ดเงินลงทุนกว่า 2,800 ล้านบาท เดินเครื่องผลิตเต็มที่ในเดือน เมษายนนี้ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 20% พร้อมเปิดตัว NEOREST Series 3 รุ่นและส่งรุ่น NEOREST DH ลงเล่นตลาดระดับราคาต่ำกว่าแสนบาท รองรับความต้องการของลูกค้า 

 

นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ (Mr.Hiroyuki Suzuki) ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “โตโต้” (TOTO) เปิดเผยว่า “โตโต้” เป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภัณฑ์ยาวนานกว่า 100 ปี และยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 โตโต้ กรุ๊ป  มียอดขายรวมทุกผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่า 1.74 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศญี่ปุ่น 1.25 แสนล้านบาท ยอดขายต่างประเทศ 40,000 ล้านบาท และธุรกิจโมเดลใหม่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งในปต่ละปีโตโต้ กรุ๊ป ตั้งเป้าการเติบโตปีละกว่า 120 %

 

สำหรับ บริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าการเติบโตในปี2562 เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยแนวทางที่จะผลักดันให้โตโต้ในไทยได้ตามเป้า ดังนี้ 1.เน้นการทำการตลาดผ่านกลยุทธ์ในเรื่องของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น 2.การนำเสนอสินค้าสุขภัณฑ์ที่มีความทันสมัยทางด้านเทคโนโลยี 3.เพิ่มกำลังการผลิตและขยายการลงทุนสร้างโรงงาน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์ ของโตโต้ในไทย เป็นแบรนด์สินค้าอันดับ 1 และ เป็นสินค้าจำเป็นในไทย พร้อมเพิ่มลูกค้าให้กว้างและมากขึ้น โดยโตโต้ ถือเป็น 1 ใน 3 ผู้นำทางด้าตลาดสุขภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาด ทางบริษัทฯได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมในปีนี้ 

 

ในส่วนของการลงทุนสร้างโรงงานใหม่นั้น มีแผนจะลงทุนสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 3 ที่ จังหวัดสระบุรีในปี 2563 แบ่งเป็น 2 เฟสๆแรกมีกำลังการผลิต 450,000 ชิ้นต่อปี การลงทุนดังกล่าวเป้นการลงทุนต่อเนื่องจากที่ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดโรงงานผลิตสุขภัณฑ์โตโต้ แห่งที่ 2 ที่จังหวัดสระบุรี โดยใช้งบลงทุนกว่า 2,800 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตสำหรับตลาดในประเทศ ภูมิภาคเอเชีย และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าระดับโลก โดยโรงงานดังกล่าวจะผลิตสุขภัณฑ์เป็นหลัก และบางส่วนจะมีการประกอบฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET เพื่อรองรับตลาดไฮเอนด์ด้วย

โรงงานแห่งที่ 2 นี้ มีพื้นที่ประมาณ 68,000 ตารางเมตร โดยนำเทคโนโลยีเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสุขภัณฑ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง เช่น แม่พิมพ์ความดันสูงแบบอัตโนมัติซึ่งรับประกันคุณภาพการขึ้นรูปชิ้นงานที่มีเสถียรภาพกว่าวิธีการขึ้นรูปที่ใช้ในอดีต และ โครงสร้างสายผลิตที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพด้วยการแยกประเภทตามสายงานผลิตซึ่งทำให้การทำงานง่ายขึ้นเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2560 และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ต่อ 6 วัน ต่อสัปดาห์ กำลังการผลิตประมาณ 420,000 ชิ้นต่อปี  ขณะที่โรงง่านแห่งแรกมีกำลังการผลิตที่ 600,000 ชิ้นต่อปี

 

ทั้งนี้ มุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตและส่งออกสินค้าโตโต้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน  โดยสินค้าที่ออกจากโรงงานจะต้องได้รับการตรวจสอบแบบ 100% ทุกชิ้นงาน

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยนโยบายนวัตกรรมสีเขียว (Greenovation) ตามวิสัยทัศน์การดูแลสิ่งแวดล้อมโลกของโตโต้ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น อาทิ นำน้ำทิ้งกลับมาใช้ใหม่โดยมุ่งเน้นให้น้ำเสียที่ปล่อยออกภายนอกโรงงานเป็นศูนย์, การประหยัดทรัพยากรน้ำผ่านผลิตภัณฑ์ของโตโต้, ติดตั้งระบบไฟ LED แบบเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อประหยัดพลังงาน, อุโมงค์เตาเผาแบบใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและสามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณมากยิ่งขึ้น, เพิ่มอัตราการเผาไหม้ที่ห้องอบแห้งด้วยการใช้ความร้อนคงเหลือจากเตาเผา รวมไปถึงท่อบำบัดก๊าซบริเวณจุดที่ติดตั้งเตาเผา ซึ่งประเทศไทยไม่มีกฎหมายบังคับให้ใช้ท่อบำบัดก๊าซในลักษณะนี้ แต่เป็นการติดตั้งตามนโยบายและมาตรฐานของโตโต้ กรุ๊ป สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ยืนยันว่าบริษัทโตโต้ยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

ด้านนายทาคายะสุ ชิมาดะ (Mr.Takayasu Shimada) รองกรรมการผู้จัดการบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า สำหรับซีรี่ส์สุขภัณฑ์ที่เปิดตัว ได้แก่  NEOREST Series  เพื่อรองรับตลาดในประเทศไทยพร้อมกันถึง 3 รุ่น ประกอบด้วย 1.NEOREST AH ฝาปิดที่ได้รับการออกแบบเป็นเส้นตรง แนบสนิทไปกับโถสุขภัณฑ์  2.NEOREST RH รูปทรงโค้งมน ให้ความรู้สึกสุขุมนุ่มนวล กลมกลืนเข้ากันได้ดีกับทุกพื้นที่ โดย 2 รุ่นแรก ระดับราคาจะสูงอยู่ที่ 118,000 บาทต่อชิ้นและ 3.NEOREST DH ดีไซน์แบบเรียบง่าย (Minimalist) ด้วยขนาดที่เหมาะเจาะลงตัว สามารถเข้ากันได้กับห้องน้ำในทุกรูปแบบะทำราคาที่อยู่ที่ 89,000 บาทต่อชิ้น

 

โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รุ่น มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านของระบบชำระล้างแบบ TORNADO FLUSH ทำความสะอาดได้อย่างหมดจดรอบทิศทางแบบ 360 องศา แม้ใช้น้ำในปริมาณน้อย ดีไซน์โถสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบ เคลือบด้วยสารเคลือบเซรามิกแบบพิเศษอย่างสาร CEFIONTECT ช่วยลดการเกาะติดของคราบสกปรกและง่ายต่อการทำความสะอาด เพิ่มความมั่นใจในความสะอาดอีกขั้นด้วย EWATER+ น้ำที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย สำหรับทำความสะอาดก้านฉีดชำระและโถสุขภัณฑ์โดยไม่ใช้สารเคมี ฝารองนั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่าง และระบบชำระล้างอัตโนมัติ ควบคุมการทำงานเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยรีโมทคอนโทรล

 

นอกจากนี้ ยังเปิดตัว WASHLET+ ฝารองนั่งอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่น ที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ประกอบด้วย รุ่น CW923UW8, รุ่น CW188UW8, รุ่น CW887UW8 และ รุ่น CW889UW8 ที่มุ่งเน้นทั้งในเรื่องของการดีไซน์และตอบโจทย์การใช้งานด้วยการออกแบบให้ท่อและสายน้ำดีต่างๆ ถูกซ่อนไว้ภายใต้รูปทรงที่โค้งมน โดยพัฒนาจากความต้องการของผู้ใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด สามารถตอบโจทย์ความต้องการทุกด้าน เพื่อความสะดวกสบายเหนือระดับกับฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ