พฤกษา ฯ เปิดกลยุทธ์รักษาผู้นำในตลาดอสังหาฯ ด้วย Portfolio ที่แข็งแกร่ง ชูนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO-TECH ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ลุยเปิดโครงการใหม่ปี 2562 อีก55 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 68,100 ล้านบาท ขณะยอดขายและรายได้ตั้งเป้าไว้ที่  54,000 ล้านบาท และ 47,000 ล้านบาท ตามลำดับ

 

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) (PS) เปิดเผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลกรุงเทพฯ.-ปริมณฑล ปี 2562 โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 5% จากปี 2561 ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 512,175 ล้านบาท (เติบโต 18% จากปี 2560 ) มีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 121,193 ยูนิต (เติบโต 11% จากปี2560) สำหรับยอดโอนกรรมสิทธิ์นั้นมีมูลค่า 410,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 34%  ส่วนจำนวนหน่วยที่ยังเหลือขายในตลาดกรุงเทพ-ปริมณฑลในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 189,182 ยูนิต เพิ่มจากปี 2560 มาประมาณ 3,461 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 1.86%

 

ปัจจัยที่มองว่าตลาดรวมในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะเติบโตที่ 5 % ใกล้เคียงกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้นมีปัจจัยบวกจากความชัดเจนในการเลือกตั้ง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้บริโภคที่มีความต้องการในที่อยู่อาศัย รวมไปถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้ออกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่จะมีผลประกาศใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 นี้ มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยให้ประชาชนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง สามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เหมาะสม

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) (PS)

 

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปี 2562 นั้นนางสุพัตรา กล่าวว่า จะดำเนินผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ดังนี้

  • รักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนปรับพอร์ตการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ อยู่ที่ 40% เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มระดับกลางบน และขยายโครงการใหม่ไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น ขอนแก่น ระยอง สระบุรี และ นครปฐม พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิม และ รุกตลาดพรีเมี่ยมเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในระดับ 5-10 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวราบมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% และโครงการคอนโดมิเนียม 40%
  • ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Inno-Tech) นำระบบดิจิทัลมาพัฒนาในทุกระบวนการทั้งการพัฒนาสินค้า การบริการและช่องทางการขายและการตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การนำ Big Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อนำมาใช้พัฒนาในด้านต่างๆ อาทิ การนำข้อมูลมาพัฒนาด้าน Product and Innovation Design สำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตรงกับความต้องการมากขึ้น การทำการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุก Customer Journey ได้เฉพาะเจาะจง พร้อมเปิดตัว The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบในแอปเดียวตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย
  • ควบคุมคุณภาพและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพาะพันธ์ความสำเร็จในอนาคต ด้วยการเร่งดำเนินงานโรงพยาบาลวิมุติ (ใกล้กับธ.ออมสิน สนง.ใหญ่) ให้แล้วเสร็จตามแผนกำหนดเปิดทำการในไตรมาส 4/2563 ในขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะขยายการลงทุนผ่านโครงสร้างธุรกิจแบบดาวเทียม ( Satellite) : การก่อตั้งบ้านหมอวิมุติ ในแหล่งที่อยู่อาศัยชุมชน ฐานลุกค้าเบื้องต้นเป็นกลุ่มลุกบ้านของพฤกษา และลุกค้าในทำเลศักยภาพจากโครงการอื่นๆ โดยได้ตั้งงบค่าใช้จ่ายในการลงทุนปีนี้ 1,450 ล้านบาทและในปี 2563 อีก 1,800 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนและเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งขั้นตอนการจัดหาแหล่งเงินทุนจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2562 ปัจจุบัน บ้านหมอวิมุต ตั้งอยู่ในพื้นที่ รังสิต คลอง 3 เป็นสาขาแรกที่เปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม 2561 คาดจะขยายเพิ่มอีกแห่งในช่วงปลายปี 2562

ในปี 2562 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ 54,000 ล้านบาท เติบโต 5.7% จากปี 2561 ที่มียอดขายอยู่ที่ 51,101 ล้านบาท โดยหลักๆเพิ่มขึ้นจากเซ็กเมนต์คอนโดมิเนียมและกลุ่มพรีเมียม  ขณะที่เป้ารายได้ในปี 2562 ตั้งไว้ที่ 47,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากปี 2561ที่มีรายได้อยู่ที่ 44,901 ล้านบาท โดยรายหลักปีนี้จะมาจากเซ็กเมนต์พรีเมียม ดังนี้

  • กลุ่มสินค้าทาวน์เฮ้าส์ ตั้งเป้ายอดขายที่ 24,200 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 22,500 ล้านบาท โดยทั้งยอดขายและรายได้นั้นใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ได้ 24,118 ล้านบาทและ 22,566 ล้านบาท (ตามลำดับ)
  • กลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว ตั้งเป้ายอดขายที่9,800 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 8,000 ล้านบาท บาท โดยทั้งยอดขายและรายได้นั้นใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ได้ 9,756 ล้านบาทและ 8,924 ล้านบาท(ตามลำดับ)
  • กลุ่มสินค้าคอนโด ตั้งเป้ายอดขายที่ 12,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากปี 2561 ที่มียอดขายที่ 10,695 ล้านบาท ขณะที่รายได้นั้นตั้งเป้าไว้ที่ 11,500 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ 11,551 ล้านบาท
  • กลุ่มพรีเมียม ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8 % จากปี 2561 ที่มียอดขายอยู่ที่ 6,532 ล้านบาท ขณะที่รายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.8% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยุ่ที่ 1,860 ล้านบาท

 

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 บริษัทฯมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ 33,323 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้จำนวน 21,638 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮ้าส์ 3,724 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2,304 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 9,756 ล้านบาท และ ธุรกิจพรีเมี่ยม 5,855 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2563 จำนวน 6,894 ล้านบาท และในปี 2564 จำนวน 4,701 ล้านบาท  และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 187 โครงการ คิดเป็นมูลค่าที่ยังไม่ได้ขาย 100,470 ล้านบาท

 

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2562 นั้นบริษัทฯมีแผนเปิดจำนวน 55 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 68,100 ล้านบาท  แบ่งเป็น

  • ทาวน์เฮ้าส์ 28 โครงการรวมมูลค่า 26,500 ล้านบาท
  • บ้านเดี่ยว 12 โครงการรวมมูลค่า 12,100 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียม 11 โครงการรวมมูลค่า 20,900 ล้านบาท
  • กลุ่มธุรกิจพรีเมียม 4 โครงการมูลค่า 8,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮ้าส์นั้น ในปี 2562 มีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำในตลาดพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท และรักษาตลาดเดิมในต่างจังหวัด ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต ในขณะเดียวกันก็ขยายตลาดกลุ่มตลาดบนในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล ระดับราคา 3-5 ล้านบาท และขยายตลาดไปในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น ขอนแก่น ระยอง สระบุรี นครปฐม

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561

  • บริษัทฯสามารถทำยอดขายรวม 51,101 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี 2560 ที่มียอดขายที่ 47,536 ล้านบาท ทั้งนี้ยอดขายที่ทำได้ในปี 2561 นั้น ประมาณ 50 % เป็นยอดขายที่ลูกค้ารับทราบการสื่อสารผ่านทางสื่อดิจิทัล
  • มีรายได้ 44,901 ล้านบาท เติบโต 2%  จากปี 2560 ที่มีรายได้ที่ 43,935 ล้านบาท
  • มีกำไรสุทธิ 6,022 ล้านบาท เติบโต 4% จากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 5,456 ล้านบาท

 

พร้อมกันนี้ นางสุพัตรา ยังกล่าวย้ำถึงกลยุทธ์หลักในปี 2562 บริษัทฯ มุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนปรับ Portfolio ของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มระดับกลางบนเพิ่มมากขึ้น และขยายโครงการใหม่ไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ ขอนแก่น ระยอง สระบุรี และนครปฐม พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิมในตลาดแวลู โดยในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการไฮไลท์หลายโครงการ อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวสำหรับกลุ่มตลาดบนกับแบรนด์ The Palm รวมถึงมีการนำแบรนด์ IVY กลับมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น และรุกตลาดพรีเมียมเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ “Chapter” ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ของพฤกษา เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย