La Salle – Lifestyle ชีวิตที่ออกแบบได้ ณ ซอยลาซาล

                     วันนี้ P2M พาคุณผู้อ่านมาทัวร์ชิลๆ เพื่อทำความรู้จักกับย่านสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) กันค่ะ เพราะชั่วโมงนี้ย่านที่ติดโผ Hot อย่างก้าวกระโดด สู่ New CBD ก็ไม่พ้นย่านสุขุมวิทตอนปลาย-บางนานี่เอง เพราะ Mega Project ระดับหลายหมื่นล้านหลากหลายโครงการ ทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังเกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Bangkok Mall ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน, Whisdom 101 โครงการ Mixed Use บนเนื้อที่กว่า  41 ไร่ , Mega City ส่วนต่อขยายของ Mega Bangna ที่จะทำเป็น Mixed Use บนเนื้อที่กว่า 400 ไร่ หรือ Terminal ใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีความแน่ชัดแล้วว่าจะเกิดขึ้นในย่านนี้ในอนาคตอันใกล้

                    ทำให้ “ย่านสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล)” เจริญขึ้นผิดหูผิดตา ใครที่ไม่ได้มาแถวนี้นานๆ ลืมภาพเก่าๆทิ้งไปได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้มีแหล่งที่เป็นแหล่ง Lifestyle เก๋ๆ เกิดขึ้นมากมาย คึกคัก ไม่เคยเงียบเหงา 24 ชม. ซอย สุขุมวิท 105 (ลาซาล) นี้หาของกินได้ทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่แผงลอย, ตลาด, ร้านค้า, ร้านนั่งชิล, ไปจนถึง Community Mall

                    การเดินทางมาที่นี่ก็สะดวกมาก ทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะอื่นๆ

มีสถานีรถไฟฟ้าขนาบหัวซอย ท้ายซอย ณ ปัจจุบันก็มีรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง ตั้งอยู่ปากซอย ส่วยท้ายซอยก็กำลังจะมีสถานี ศรีแบริ่ง และ ศรีลาซาล (สายสีเหลือง)

ถ้าขับรถยนต์ ซอยนี้ใกล้ทางด่วนถึง 3 จุด ทั้งทางด่วนบริเวณซอยสุขุมวิท 62 (8 กม.) , ทางด่วนบางนา( 5 กม.)  และทางด่วนวงแหวน กาญจนาภิเษก (7.8 กม.) และมีซอยเลี่ยงซอยลัดออกหลายช่องทาง อย่าง ถ.บางนาตราด, ถ.แบริ่ง, ถ.ศรีนครินทร์ และในซอยก็มีป้ายห้ามจอดตลอดเวลาติดไว้แปลว่าถึงช่องทางรถวิ่งจะเป็น 2 เลน ก็การจราจรลื่นไหลได้เรื่อยๆไม่ติดมากนักแม้เป็นชั่วโมงเร่งด่วน

เรื่องสาธารณูโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของ “ย่านลาซาล” นี้ถือว่าดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ปั๊มน้ำมัน ห้าง ตลาด โรงพยาบาล โรงเรียน ย่านนี้ก็มีครบครัน พร้อมกับคนทุกช่วงวัย ทุก Lifestyle จริงๆค่ะ

ห้างและตลาดก็ใกล้ทั้ง Central บางนา, Mega บางนา หรือศูนย์แสดงสินค้า Bitec ก็ห่างไปแค่ BTS สถานีเดียว, หรือเบากว่านั้นก็มี Community Mall หลายแห่ง ที่เปิดใหม่และเป็นที่นิยมกัน เช่น ดาดฟ้า และ ลาซาล อเวนิว ก็มีร้านดังๆมาเปิดเพียบ ในซอยเองก็มีร้านกาแฟ ร้านอาหารนั่งชิลแทรกอยู่เป็นระยะ รวมถึงร้านสะดวกซื้อเรียงรายกันนับไม่ถ้วนและตลาดสด ก็มีทั้งในซอยลาซาลเอง และในซอยข้างเคียงอย่างแบริ่ง

รู้ภาพรวม Lifestyle ของ “ย่านลาซาล” ไปพอสมควรแล้วเราจะเจาะลึกโดยเริ่มจากสำรวจภายในซอยกันดีกว่าค่ะ นับจากปากซอยแค่ลง BTS สถานีแบริ่งมาก็มีตลาดของกินอยู่ใต้สถานีเลยค่ะ พอลงมาที่ซอยสุขุมวิท 105 (ลาซาล) ก็เจอ 7-eleven ที่แผงลอยขายของทั้งรอบเช้า-รอบเย็น เพื่อรองรับคนที่มาขึ้นลง BTS 

ถ้าจะเดินเท้าเข้าซอยก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ มีทางเท้าให้เดินได้สะดวกทั้งซ้ายขวา แต่ถ้าวันไหนรีบๆหน่อย หรือแดดร้อนๆ ก็มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงหน้าปากซอยพอดีเป๊ะ

หรือถ้าไปไกลแล้วอยากนั่งรถสาธารณะก็เดินเข้าซอยมาแค่ 100 เมตร ก็มีวินรถสองแถวสีแดงให้ขึ้นค่ะ สะดวกมาก

เข้ามาในซอยนี้ ต้นๆซอยจะมี Center Point Entertainment (ที่จัดแข่ง The Voice) ทางด้านซ้ายมือ ถัดมาจะมีร้านค้าเปิดอยู่ตามตึกแถวเป็นระยะๆ เป็นร้านอาหาร ร้านของของชำ ร้านกาแฟ ร้านขายยา ร้านทอง ประมาณนี้

เดินเพลินๆเข้ามาได้ประมาณ 400 เมตร  ก็เจอตลาดสดลาซาล 10

และฝั่งตรงข้ามตลาดก็เป็นโครงการคอนโด Low Rise Notting Hill สุขุมวิท 105 จาก บริษัท ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี Design ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นไอสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษ แต่ลดทอนเส้นสายให้ดู Modern และเรียบง่ายสบายตาขึ้น

และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีร้านสะดวกซื้อมาเปิดกระจุกตัวกันตรงหน้าโครงการนี้พอดี ทั้ง Lotus Express, 7-eleven, Family Mart, และ CP-Fresh Mart เรียกว่าน่าอิจฉาคนที่อยู่คอนโด Notting Hill สุขุมวิท 105 จริงๆค่ะ

เดี๋ยวเราสำรวจบรรยากาศ การเดินทาง ที่กิน ที่เที่ยวของคน ย่านลาซาลนี้เรียบร้อย แล้วต้องไม่พลาดขอแวะเข้ามาดูภายในโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 สักหน่อยค่ะ

เราจะพาดู Lifestyle ของผู้คนในย่านนี้ โดยเริ่มจากการพาเข้าไปทัวร์ Community Mall กันค่ะ

เช่น ที่แรก คือ La Salle Avenue ที่นี่มีทั้ง ร้านเสื้อผ้าดังๆ อย่าง Uniqlo, ร้านอาหารและร้านกาแฟระดับโลก อย่าง Starbuck, KFC ก็มี, ร้านอาหารเฟรนไชน์ชื่อดังในบ้านเราเอง อย่าง ตำมั่ว, Steak Lao ก็มา  นอกจากนั้นยังมี Villa Market มาเปิดด้วย, และมีทั้งคลินิคทันตกรรม, ร้านขายสินค้าแฟชั่น, แม้แต่ลานกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับครอบครัว ที่นี่ก็มี ช่วยเพิ่มน่ารักอบอุ่นได้ทั้งวันทำงานและวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ 

มาต่อกันอีกสักที่ คือ Community Mall สุดฮิป อย่าง “ดาดฟ้า” ที่นี่จะค่อนข้างถูกใจวัยทำงาน เพราะ นอกจากจะมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆเยอะมากๆแล้ว ก็ยังมีร้านนั่งชิล ให้มานั่งหลังเลิกงาน รวมตัวกับเพื่อนๆ ก่อนกลับบ้านได้ ไม่ซ้ำ

และ Jazz Urban เป็น Community Mall ที่เหมาะมากสำหรับครอบครัว เพราะมีทั้งร้านขายสินค้าเด็ก สัตว์เลี้ยง หนังสือ อุปกรณ์การเรียน ร้านอาหาร และยังมีสระน้ำและสวนแนวตั้งช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี 

ด้านนอก Community Mall เองก็มีร้าน Stand Alone ที่เปิดอยู่เป็นระยะๆ ในซอยลาซาล เรื่อยไปจนถึงซอยข้างเคียงที่เชื่อมต่อออก ซอยแบริ่ง และศรีนครินทร์ ก็มีร้านน่ารักๆ ผลัดกันเปิดหมุนเวียนไปทั้งกลางวัน กลางคืน เรียกว่า กินเล่น กินจริง มีให้เลือก ได้เต็มที่ค่ะ 

ร้านนี้ชื่อ Cactus&Cup เป็นร้านที่ขายกาแฟ รสชาติดี ราคาไม่แพง แถมมี Glass House สำหรับแคตตัสต้นเล็กๆให้เราซื้อกลับบ้าน หรือนั่งมองไป จิบกาแฟไปก็ได้ น่ารักมากค่ะ

ร้านนี้ชื่อ The Craffle เป็นร้านสีขาวน่ารัก ใช้ตู้ คอนเทนเนอร์มาดัดแปลง และมี Gimmick เก๋ๆ เป็นชิงช้าที่ดูสบายๆ ทำสำคัญเบเกอร์รี่อร่อยมากค่ะ

สำหรับสาย Advanture ก็น่าจะถูกใจที่นี่ค่ะ Rock Domain เป็น ผาจำลอง ซึ่งมีเทรนเนอร์คอนสอนเราด้วยสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นค่ะ

หรือจะเป็นแนว Street Food ก็มี ตลาดใหญ่อย่าง ศูนย์การค้าลาซาลสแควร์หรือร้านตามในซอยริมทางก็มีให้เลือกทุกประเภทอาหาร 

แถวย่านลาซาลนี้ น่าอยู่กว่าที่คิดนะคะ ว่าแล้วก็ต้องกลับไปแวะดูโครงการ Notting Hill 105 ตามที่ตั้งใจ เข้าไปดูด้านในโครงการกันเลยค่ะ

โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 นี้เขาเปิดขายมาได้ 2 ปีแล้ว จากการที่เดินเข้าไปสอบถามสำนักงานขายบอกว่าสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว ให้เข้าอยู่พร้อมกันได้ต้นเดือนเมษายนนี้ค่ะ เห็นแบบนี้โครงการเหลือห้องอีกไม่มากแค่ 10% เท่านั้นเอง ราคาก็จับต้องได้สำหรับมนุษย์เงินเดือน 15,000 – 30,000 บาท กู้ได้ผ่อนได้สบายๆ ค่ะ ถ้ากู้ร่วม 2 คนช่วยกันผ่อนยิ่งชิลมากค่ะ

Notting Hill ถือเป็นแบรนด์ระดับ Upper Class ทั้งราคาและการออกแบบพื้นที่ใช้สอยจะคิดถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลาง เป็นคนวัยทำงานที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวได้ในระดับหนึ่ง มีหน้าที่การงานมั่นคง อาจจะยังเป็นหรือเริ่มมีคู่แต่ยังไม่ถึงขั้นที่มีครอบครัว กลุ่มคนที่เหมาะจะมาอยู่ที่นี่จะเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานอยู่ทองหล่อ-อโศก ที่ต้องการที่พักที่เดินทางไปทำงานสะดวกในวันธรรมดา และออกไปเฮฮาต่างจังหวัดง่ายๆในวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะทำเล “ย่านลาซาล” ตรงนี้ 10 นาทีถึง CBD 20 นาทีก็ออกชานเมืองได้แล้ว

Notting Hill สุขุมวิท 105 แห่งนี้ ตั้งบนเนื้อที่กว่า 8 ไร่ มี 6 อาคารพักอาศัย และ มีอาคารคลับเฮาส์แยกต่างหาก จำนวน 1113 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นที่ 25.50 ตารางเมตร ถึง ใหญ่สุด 43.50 ตารางเมตร ไม่มีแบบ Studio เริ่มที่แบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom plus และ 2 Bedrooms เน้นการออกแบบให้พื้นที่ในห้องใช้งานได้จริงทุกตารางนิ้ว

ที่จอดรถจอดใต้อาคาร เป็นที่จอดในร่มทั้งหมด ยกเว้นลานจอดสำหรับ Visitor อยู่ใกล้ Club House เป็นกลางแจ้ง จำนวนที่จอดรวมซ้อนคัน 35% ถือว่าๆไม่เยอะ แต่สำหรับระยะเดินไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าเพียง 400 เมตร ถือว่าเดินไม่เหนื่อย หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์ 10 บาทก็ถือว่ารับได้ค่ะ แลกมาด้วยพื้นที่สวนภายในโครงการกว่า 2,000 ตารางเมตร ก็คุ้มนะคะ ในมุมคนเมืองที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติบ้าง

ความรู้สึกเมื่อเดินเข้ามาในโครงการ รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งที่มีบรรยากาศ อบอุ่น โปร่งโล่ง และมีความสงบเงียบ เป็นส่วนตัว เหมือนเข้ามาในหมู่บ้านๆหนึ่ง ไม่เหมือนเดินเข้ามาในคอนโดค่ะ เพราะเริ่มจาก 105 Club House ซึ่งเป็นคลับเฮ้าส์ 3 ชั้น สไตล์อังกฤษ ที่สร้าง Stand alone ออกมาจากตัวตึกแบบนี้เห็นก็แต่ในหมู่บ้านหรูๆเท่านั้น แต่นี้เป็น Low Rise คอนโดนะคะคุณ ให้กันขนาดนี้เลยทีเดียว

เริ่มจาก Club House ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ภายในเป็น Double Volume Social Club ซึ่งเปิดพื้นที่โล่งเชื่อมต่อทุกส่วนเข้าด้วยกัน เพราะต้องการให้เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพในสังคมใหม่ของลูกบ้านในโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 แห่งนี้ มีมุม Iris Sport Corner คือ Pool Table, Football Table ไว้ให้ลูกบ้านเล่นด้วยกัน และยังมี Bar เปิดโล่ง ที่สามารถจัด ปาร์ตี้สังสรรค์เล็กๆได้ในกลุ่มเพื่อน

ขึ้นมาบนชั้นสอง จะเป็น Fitness Room เนื้อที่ 120 ตารางเมตรไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เครื่องเล่นครบมาก ทั้ง Cardio และ  Weigth ครบครัน และมี Logger Room แยกชายหญิง ห้องนี้เป็นกระจกใส เปิดมุมมองออกไปเห็นสวนและ Jogging Track ภายในโครงการ ส่วนอีกด้สนก็มองลงมาเห็น Social Club ที่ชั้นล่างด้วย เป็นบรรยากาศการออกกำลังที่ทำให้แอคทีฟได้ทุกวันนะคะ

พอขึ้นมาที่ชั้น 3 ส่วน Roof top ของ Club House ก็เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 6×20 เมตร มี Day Bed ให้นอนเล่นริมสระ มีห้องอาบน้ำล้างตัวแยกชายหญิงให้ที่ชั้นนี้เลย และอีกมุมนึงด้านในก็ชุดโซฟานั่งเล่นและ mini bar ที่สามารถ take view สวนสไตล์อังกฤษของโครงการได้จากมุมสูง

สวนที่อยู่ตรงกลางโครงการ ก็มีแนวทางการออกแบบจากสวน สไตล์อังกฤษ มี Jogging Track, มี ลานหินปุ่มสำหรับนวดฝ่าเท้า (Reflexology Walking) และบริเวณตึกด้านในระหว่างตึก E,F จะจัดเป็นสวนพรรณไม้หอม (Aromatheraphy Garden) และใต้อาคาร A,B จะมี Co-Working Space เปิดให้ลูกบ้านทุกตึกมาใช้ได้

ส่วนกลางไม่ได้หมดแค่นี้แต่ยังมีที่ตึก F ด้านในสุดของโครงการ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดเท่ากันกับที่ Club House และยังมี Suana & Stream ด้วย ทำให้ลูกบ้านที่อยู่ด้านในโครงการไม่ต้องเดินไกล แถมทุกอาคารจะมี Lobby และ Sky Garden (สวนดาดฟ้า) เป็นของตัวเอง เรียกว่าส่วนกลางที่นี่จัดเต็มแบ่งกันใช้ได้เหลือเฟือค่ะ

เดินไปดูห้องตัวอย่างกันบ้างค่ะ ที่นี่เขาสร้างใกล้เสร็จแล้วดังนั้น

ห้องตัวอย่างที่จะได้เห็นนี้ คือห้องจริงเลย อันนี้ดีมากๆ เพราะทำให้เรารู้คุณภาพงานจริงๆว่าเป็นยังไงค่ะ วันนี้เราได้ดูห้องตัวอย่าง 2 แบบ เป็น Type A และ Type B ทั้ง 2 ห้องนี้เป็นแบบ 1 Bedroom ทั้งคู่ต่างกันตรง แปลนห้องที่เหมาะกับ Lifestyle ของเราที่แตกต่างกัน คือแบบ Type A จะเป็นครัวปิด แยกห้องแต่ละห้องเป็นสัดส่วนออกจากกัน และ  Type B จะเป็นครัวเปิด connect พื้นที่ทุกส่วนเข้าหากัน ราคาต่อตารางเมตรไม่ถึงแสน ให้แบบ Fully Fitted มาเลย มี Built-in เตียง ตู้ ครัว ให้ครบๆ แทบจะไม่ต้องซื้ออะไรเข้าไปเพิ่มก็อยู่ได้เลย ถือว่าคุ้มทีเดียว เราไปดูกันทีละห้องเลยค่ะ

1 Bedroom Type A

Type A มีห้องครัวเป็นแบบครัวปิด และห้องนั่งเล่นที่แบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ออกแบบได้ลงตัว ไม่อึดอัด

• เหมาะสำหรับคนชอบทำอาหาร หรืออาจจะอยู่เป็นคู่แล้วเวลาไม่ตรงกัน คนนึงอยากนอน แต่อีกคนยังอยากนั่งดูทีวีอยู่ หรือทำกับข้าวกลิ่นก็ไม่ไปรบกวนอีกคน
• ประตูแบบ Digital Door Lock บานใหญ่สีไม้ธรรมชาติดูอบอุ่น
• เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่น พร้อม ให้ เคาน์เตอร์วางทีวีและชั้นวางของ Built-in อย่างดี มีให้เรียบร้อย
• มองตรงเข้าไปจะเจอบานกระจกสไลด์ กั้นระหว่างห่องนั่งเล่นและห้องนอนออกจากกัน ทำให้ดูโปร่งตา แต่ยังไดความเป็นส่วนตัว สามารถปิดกั้นแอร์ทีละส่วนได้ และสามารถติดม่านเพิ่มเติมเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีก

• ภายในห้องนอน มี  Built-in ตู้เสื้อผ้าและเตียงให้เรียบร้อย เป็นตู้เสื้อผ้าแบบพื้นจรดฝ้าเพดาน มีราวแขวนชุดตัวยาวและลิ้นชักเก็บของกระจุกกระจิกให้เป็นสัดส่วน
• ไม่ได้ติดกระจกเงามาให้ สามารถติดเพิ่มเองได้ที่ผนังฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้า ไม่ชนปลายเตียง ผ่านเรื่องฮวงจุ้ย
• เตียงที่ให้แบบ 5 ฟุต พอดีไม่เล็ก ไม่ใหญ่ไป ทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่ง ถ้าหากอีกคนที่นอนอยู่ด้านในสามารถลูกออกจากเตียงได้โดยไม่รบกวนคนที่คนอยู่ด้านนอก
• กระจกในห้องนอนให้กระจกเก็บเต็มผนัง เปิดโล่งโปร่งตา รับวิวได้ดี

• ห้องครัว จะเป็นครัวปิด Built-in เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว I เต็มผนังพื้นถึงฝ้า มีชั้นวางของ ตู้เก็บของพร้อมหน้าบานให้เรียบร้อย
• โดยติดตั้งซิงค์น้ำพร้อมก็อกอย่างดี, และเตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมHood ดูดควันระบบหมุนเวียน จาก Teka
• มีการเว้นช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าไว้ให้ และช่องวางไมโครเวฟไว้ด้านล่าง ก้มหยิบของร้อนๆสะดวก กว่าวางไว้ที่สูง
• หรือใครอยากวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงก็ได้เพราะมีก็อกน้ำรอไว้แล้ว และยก air compresser ขึ้นสูงจากพื้น ทำให้เหลือที่วางด้านล่างได้

• ก่อนเข้าห้องน้ำ มี Built-in เว้นช่องพอดีวางตู้เย็น ขนาดประมาณ 7 คิว
• ติดกระจกบานใหญ่ ทำให้ดูห้องน้ำกว้างขึ้น
• สุขภัณฑ์อย่างดี American Standard 
• อ่างล้างหน้าจาก Mogen ขนาดไม่เล็ก และความลึกพอดี ทำให้เวลาใช้งานน้ำไม่กระเด็นออกมานอกอ่าง
• ชักโครก วางในตำแหน่งที่ดี ไม่อึดอัด ระดับในการติดตั้งสายชำระและที่ใส่ทิชชู่กำลังเหมาะมือ
• โซนอาบน้ำแบ่งด้วยการ ก่อธรณีประตูขึ้นมา กันน้ำกระเด็นได้เป็นอย่างดี
• ติด Tempered Glass ของยี่ห้อ Shower King เพื่อความปลอดภัย เพราะกระจกแบบนี้เวลาแตกจะแตกเป็นเม็ดข้าวโพดแบบเดียวกับกระจกรถยนต์หรือกระจกเครื่องบิน ทำให้คนที่เกิดอุบัติเหตุไม่ได้รับอันตราย
• Shower set จาก American Standard ติดตั้งในระดับความสูงที่กำลังเหมาะสมกับสรีระคนไทย เจาะช่องเดินสายดินรอเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว
• มีพัดลมดูดอากาศทำให้ห้องไม่อับชื้น

1 Bedroom Type B

• มาดูห้องอีกแบบกันบ้างค่ะ Type B เป็น 1 Bedroom แบบครัวเปิด เชื่อมต่อทุกห้องเข้าเป็นพื้นที่เดียวกัน
  • ทำให้ห้องดูกว้าง และใช้งานสะดวก
  • เหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารทานเอง อาจจะมีแค่อุ่นอาหารเล็กน้อย
  • ประตู Digital Door Lock เช่นเดียวกันกับแบบ Type A
  • เมื่อเข้ามาจะพบกันเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว I ขนาดกระทัดรัด แต่ครบครัน มีเตาไฟฟ้า 2 หัว , Hood ดูดควัน, อ่างล้างจานเล็กๆแต่หลุมลึก เวลาล้างจานไม่กระเด็นแน่นอน
  • ยังคงเว้นช่องเพื่อวางเครื่องซักผ้าไว้ให้
  • ถึงแม้เคาน์เตอร์ครัวที่ถูกลดขนาดลงไป แต่มีเหตุผล เพราะทำเป็นโต๊ะพับได้ สำหรับนั่งทำงาน หรือจะเป็นโต๊ะนั่งแต่งหน้าก็ได้
  • ส่วนตู้เย็นสามารถวางชิดผนังฝั่งขวาของประตู หรือ เปลี่ยนเป็นตู้เย็นขนาดเล็กวางแทนเครื่องซักผ้าก็ได้

มุมนั่งเล่น มีBuilt-in เคาน์เตอร์วางทีวีให้ตามภาพเลย ห้องนี้ ได้ระเบียงยาวขึ้นตรงบริเวณห้องนั่งเล่น สามารถจัดสวนเล็กๆที่ระเบียงเพิ่มความสดชื่นให้ห้องนั่งเล่นได้

กระจกเกือบเต็มบานโปร่งสบายตา ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย

• ติดกันเป็นส่วนของเตียงนอน Built-in ขนาด 5 ฟุตเช่นกัน พื้นที่ข้างเตียงเหลือ เดินได้สะดวกเช่นเดียวกันกับห้องที่แล้ว
• บานกระจกสไลด์ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างสุด เหมือนเป็นห้องเดียวกัน แต่ถ้าอยากจะกันแอร์กํ้นสไลด์มาปิดได้ หรือติดม่านเพิ่ม เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลานอนก็ได้เช่นกัน
• ข้างเตียงมีตู้เสื้อผ้าBuilt-in แบบพื้นถึงฝ้า เช่นกัน
• ด้านซ้ายของประตูห้องน้ำ  เหลือพื้นที่ติดกระจกเต็มตัวได้ สำหรับคุณผู้หญิง ผู้ชายที่ต้องเช็คความเป๊ะก่อนออกจากบ้าน

• ส่วนห้องน้ำ เสปคเดียวกันกับห้องที่แล้ว แต่แปลนห้องจะต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น
• ติดกระจกบานใหญ่ กรุกระเบื้องสีขาวเต็มผนัง
• กระจก Tempered เพื่อความปลอดภัยและยังกั้นโซนเปียกแห้งได้ดี
• สุขภัณฑ์จาก American Standard สีขาวสว่าง ทำให้ห้องดูกว้าง
• ติด Shower set จาก Shower King
• เดินสายรอเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว และมีพัดลมดูดอากาศ
• แต่ที่เพิ่มขึ้นมาพิเศษสำหรับห้องนี้ คือมีการเจาะช่องวางอุปกรณ์ในการอาบน้ำต่างๆไว้ให้ข้างๆ Shower เลย ทำให้สะดวกและสวยงามลงตัว

เป็นยังไงบ้างกับ La Salle Lifestyle ที่ P2M พาไปดูกันวันนี้ “ย่านลาซาล” นี้เป็นย่านที่น่าอยู่ขึ้นมากจากแต่ก่อนและคงจะคึกคักขึ้นเรื่อยตามความเจริญที่แผ่เข้ามาทั้งซ้ายขวา ส่วนโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตให้ครบรสใน “ย่านลาซาล” ค่ะ

ใครที่สนใจ Notting Hill 105 ก็เหลือจำนวนยูนิตอีกไม่เยอะแล้ว ในทำเลแบบนี้ก็หายากที่จะแต่งครบ เข้าพร้อมอยู่ แถมกู้เกิน 100%  ทางโครงการแจ้งว่ามีโปรโมชั่นพิเศษ คือ เพียง 9 ยูนิตพิเศษ ให้ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ในราคาเพียง 1.99 ลบ. เท่านั้น รีบเข้ามาจองแพ็กเกจด่วนค่ะ

วันนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ครั้งหน้า เราจะพาไปชิลที่ไหน ติดตามกันได้ผ่าน website ของเราค่ะ