“ออลล์ อินสไปร์” ผนึก 2 พันธมิตรประเทศญี่ปุ่น “ฮูซิเออร์ส – คิวชู เรลเวย์”จัดตั้งบริษัท”เอเอช เจน เอกมัย ผุดโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย  คอนโดฯลักชัวร์รี่ เรสซิเดนท์ มูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้บริษัทฯได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร 2 รายจากประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัท ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้ง (Hoosiers Holdings) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีการลงทุนเพื่อการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อปีอยู่ที่กว่า 31,900 ล้านบาท และ บริษัท คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี(Kyushu Railway Company) เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับรถไฟ  เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอเอช เจน เอกมัย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือครองหุ้น 51% ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์  ถือหุ้นในสัดส่วน 29% และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี  ถือหุ้นในสัดส่วน 20%

 การร่วมทุนกันครั้งนี้เพื่อพัฒนาโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวร์รี่ เรสซิเดนท์ ICONIC PROJECT ภายในสโลแกน  BORN TO STAND OUT  เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 2 อาคาร รวม 380 ยูนิต บาทขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.49-183 ตารางเมตร(ตร.ม.) แบ่งสัดส่วนดังนี้ แบบ 1 Bedroom สัดส่วน 7 %  แบบ 2 Bedroom/1 Plus คิดเป็นสัดส่วน 68 %  แบบ 3 Bedroom  คิดเป็นสัดส่วน 16 % และ Duplex / Penthouse คิดเป็นสัดส่วน 9 % โดยราคาขายเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาทต่อตร.ม.(ราคาเริ่มต้นประมาณ 156,000 บาทต่อตร.ม.) แบ่งเป็นอาคารสูง 25 ชั้น และ สูง 43 ชั้น มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,800 ล้านบาท (ตร.ม.)และอีก 1 อาคารเป็นอาคารสำหรับจอดรถได้ 85% ปัจจุบันได้เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์จองได้ที่สำนักงานขาย หรือ www.impressionekkamai.com ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 60 %

โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย มี 6 จุดขาย ดังนี้

1) เพดานห้องที่สูงถึง 2.9 เมตร

2) ส่วนกลางที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารที่อยู่อาศัย A และ B

3) ที่จอดรถระบบ Auto Parking รวม 85% พร้อมที่จอดรถ Super Car และรองรับระบบ EV Charger

4) เครื่องปรับอากาศระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ซึ่งไม่มีคอยล์ร้อนในพื้นที่พักอาศัย ไม่กระทบทัศนียภาพและพื้นที่ใช้สอย

5) ห้อง Duplex ที่มาพร้อมอ่างจากุชซี่

6) ฟังก์ชั่นการใช้งานได้ถูกออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ

 

มั่นใจตลาดอสังหาฯไทยแนวโน้มสดใส

การร่วมทุนในการพัฒนาโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย เป็นการผสานจุดแข็งซึ่งกันและกัน โดยเมื่อ 2 ปีก่อน(กันยายน 2560)บริษัท ฮูชิเออร์ส ฯได้เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทออลล์ อินสไปร์ฯ เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway สุขุมวิท 50  มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทคิวชู เรลเวย์ คัมปะนี นั้นก่อนหน้านี้ได้เข้ามาลงทุนอสังหาฯเมืองไทย โครงการ ชามา เลควิว อโศก เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ และ โครงการ ALOFT สุขุมวิท 11 เป็นโรงแรม

 

นางสาวอากิโกะ ชิโมอูระ ผู้จัดการทั่วไป ด้านต่างประเทศ บริษัท ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การที่บริษัทฯขยายการลงทุนมายังต่างประเทศเป็นเพราะตลาดอสังหาฯในญี่ปุ่นนั้นอิ่มตัว จึงมองหาตลาดใหม่ในเอเชีย และไทยก็เป้นประเทศเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯมองว่าตลาดอสังหาฯยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แม้ในบางช่วงตลาดมีการชะลอตัวก็ตาม และการที่เลือกร่วมทุนกับบริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯ  เพราะเป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่รวดเร็วในเวลาอันสั้น

 

ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนายฮิโรยูกิ ฟูกุซาว่ากรรมการบริหาร / ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจ สำนักงานใหญ่ บริษัท คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี ที่กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการลงทุนในแต่ละครั้งบริษัทฯจะศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯเป็นตลาดที่มีการเติบโต และก็มั่นใจการตัดสินใจเลือกลงทุนในทำเลเอกมัยเป็นทำเลที่มีศักยภาพ

 

ทั้งนี้ ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์  (Hoosiers Holdings) เป็นบริษัทชั้นนำที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น มีธุรกิจในเครือบริษัทที่หลากหลาย มีความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม บ้าน อพาร์ทเม้นท์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงอายุ และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวโยงกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบกิจการด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยมายาวนานกว่า 24 ปี โดยทุกปีบริษัทจะมีการลงทุนเพื่อการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่าราว 31,900 ล้านบาท และยอดขายรวมของบริษัท 16,700 ล้านบาท ต่อปี และลิสต์อยู่ใน 1st Section ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว

 

ด้านบริษัท คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company) ก่อตั้งขึ้นหลังจากการแปรรูปรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่นในปี 2530 เป็นบริษัทรถไฟที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในเมืองคิวชู มีเครือข่ายทางรถไฟครอบคลุมทั่วบริเวณคิวชู ซึ่งมีประสิทธิภาพและมีการสร้างเมืองผ่านธุรกิจที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจทั้งด้านการขนส่ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจค้าปลีกร้านอาหาร รวมไปถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นเมื่อปี 2559 โดย ณ ปัจจุบันมีรายได้รวมล่าสุด คิดเป็นเงินไทยประมาณ 118,000 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 200,000 ล้านบาท (ข้อมูลเมื่อปีงบประมาณ 2560) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap.) อยู่ที่ 170,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2562) ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก