พื้นที่สำหรับครอบครัวที่ถูกจำกัดด้วยปัจจุบันคอนโดมิเนียมมีราคาสูงขึ้นตามทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวก การทำกิจกรรมของครอบครัวทำให้มีพื้นที่ถูกจำกัด จึงมองหาพื้นที่กิจกรรมและเสริมสร้างพัฒนาสำหรับเด็ก เพื่อให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว ได้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นและสามารถทำกิจกรรมร่วมกัน โดยหวังสร้าง แฟมิลี่ คอมมูนิตี้ ในย่านแหล่งที่อยู่อาศัยอย่างสุขุมวิท-ทองหล่อ-พระราม 4 แบมบีนี่ วิลล่า (Bambini Villa)

ผืนดินจากมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นบนพื้นที่กว่า 2.5 ไร่ มาถึงปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 4 นางณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (น้ำหวาน) จึงได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวให้กลายเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้ชื่อโครงการ แบมบีนี่ วิลล่า (Bambini Villa) มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ส่วนกลาง 2,300 ตารางเมตร และ พื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 2,700 ตารางเมตร หากมองเป็นสัดส่วนระหว่างพื้นที่เช่ากับพื้นที่ส่วนกลางเกือบเป็น 50-50 ที่โครงการเล็งเห็นถึงความสำคัญ โครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ใกล้กับ A Square และ K Village ที่ถูกพัฒนาโดยตระกูลอรรถกระวี ด้วยเช่นกัน และเพื่อเป็นการตอบโจทย์ City Family Lifestyle จึงได้จัดตั้งคอมมูนิตี้มอลล์สำหรับเด็กและครอบครัว Brand Positioning ที่โครงการวางไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักครอบครัวระดับB+ เพื่อเติมเต็มและตอบสนองการใช้ชีวิตของครอบครัวในใจกลางเมือง

โครงการแรกของ บริษัท วงศ์กุลศรา เอสเตท จำกัด
คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ถือเป็นโครงการแรกของบริษัทฯภายใต้การดำเนินงานของนางณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (น้ำหวาน) ซึ่งแตกสายธุรกิจออกมาจากครอบครัว หลังจากเริ่มก่อสร้าง แบมบินี่ วิลล่า เมื่อพฤษภาคม 2561 ปัจจุบันความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่า 90% เหลือเก็บรายละเอียดและจะเริ่มส่งมอบให้กับผู้เช่าได้เข้ามาตกแต่งภายในร้านค้าในช่วงเดือนเมษายน มีกำหนดเปิด เดือนพฤษภาคม 2562 และ Grand Opening อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งใช้งบประมาณการตลาด 20 ล้านบาท ทั้งการจัดงาน โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งOffine และ Online ตลอดจนการจัดกิจกรรมให้กับเด็กและผู้ปกครอง
จากจุดเริ่มต้นด้วยความเป็นคุณแม่ลูก 2 ต้องการพื้นที่สำหรับเด็ก เมื่อต้องออกนอกบ้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ ด้วยความที่มีลูกเล็กทำให้ในบางครั้งไม่ค่อยสะดวก ทั้งในเรื่องของการเดินทางและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นหรือกระเป๋า อีกทั้งสถานที่ห้างสรรพสินค้าเองก็มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ ในช่วงที่มีโรคระบาดเราเองก็ไม่ค่อยอยากให้เด็กออกไปไหน หรือสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เลยคิดว่าถ้ามีสถานที่ที่เล็กลงมาเฉพาะกับเด็กจริงๆ เดินทางสะดวกจอดรถสะดวก ก็น่าจะดีนางณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กล่าว

ด้วยต้องการให้มีพื้นที่สำหรับเด็กที่ทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับครอบครัว เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ แบมบีนี่ วิลล่า (Bambini Villa) จากความเป็นคุณแม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกๆ ที่อยู่ในวัยเรียน ซึ่งมองหาพื้นที่กิจกรรมและเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็ก และทำอย่างไรให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้มีกิจกรรมเป็นของตัวเองแต่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้โดยที่ไม่ต้องออกไปไกลถึงต่างจังหวัดหรือรอวันหยุดเทศกาล ดังนั้นจึงคิดสร้าง Eco System ที่มีองค์ประกอบต่างๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ เอื้อพัฒนาการของเด็กและเอื้อการใช้ชีวิตของพ่อแม่ไปพร้อมกัน ผ่านแนวคิด Designed With Love ออกแบบมาโดยเฉพาะด้วยความรักและสร้างสรรค์สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเข้าใจใส่ใจทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “กล่องขาวแห่งความฝัน” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “สีขาว” ที่เปรียบเสมือนจินตนาการ อันบริสุทธิ์ และกว้างไกล ไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ อิฐสีขาวจึงก่อเรียงกันสลับไปมาเหมือนจิ๊กซอว์แห่งความฝันที่เด็กๆ ได้มาสร้างร่วมกันในที่แห่งนี้

โครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ล่าสุดในพื้นที่สุขุมวิท 26 และถือเป็นมอลล์แห่งแรกที่ชูจุดเด่นในเรื่องการให้ความสำคัญกับเด็กและครอบครัว ถือเป็น “The First Community Mall for Families in the Heart of Bangkok” จิ๊กซอว์ใหม่สำหรับครอบครัว เพื่อตอบโจทย์ City Family Lifestyle ของคนยุคใหม่ ครบครันด้วยร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ร้านอาหาร ร้านบริการเสริมสวยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โรงเรียนดนตรี โรงเรียนเสริมทักษะและการพัฒนาเด็ก และมุมกิจกรรมต่างๆ ในโครงการ อาทิ สนามเด็กเล่น แปลงผัก เป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวและเด็กอย่างแท้จริง ตั้งแต่การออกแบบอาคาร การคัดสรรร้านค้า และการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางโดยคำนึงถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว เป็นพื้นที่ที่สมาชิกในครอบครัวสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้ ถือเป็นพื้นที่ส่วนขยายของบ้าน หรือ Second Home มาช่วยเติมเต็มทุกความต้องการแบบนี้ ซึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไปยังไม่เคยมีมาก่อน”

ตัวโครงสร้างอาคารออกแบบเป็นตัว O มีลักษณะเป็นโถงสูง ดูเพื่อให้ดูปลอดโปร่งและปลอดภัย สูง 2 ชั้น ทำให้ผู้ปกครองสามารถมองเห็นลูกหลานที่เล่น playground อย่างชัดเจน มีแสงธรรมชาติที่ดีต่อเด็ก สามารถทำกิจกรรมได้ทั้งครอบครัว ภายในโครงการยังออกแบบทางเชื่อมระหว่างร้านให้เป็นเหมือน สะพานไม้ แขวนที่ลอยเด่นอยู่บน Playground เพื่อให้เด็กๆ ได้รู้สึกตื่นเต้นสนุกสนาน เวลาเดินผ่านอีกด้วย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ค่าเช่าของร้านค้าในโครงการชั้น 1 ราคาอยู่ที่ 2,000 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 2 ราคาอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งหากเปรียบเทียบคอมมูนิตี้มอลล์ในระแวกใกล้ราคาค่าเช่าเริ่มต้น 3,000 ต่อตารางเมตร ดังนั้นโครงการจึงมีค่าเช่าที่ถูกกว่าอัตราการเช่าในโครงการปัจจุบันอยู่ที่ 83% ยังคงเหลือพื้นที่ให้เช่าอยู่บ้างส่วนซึ่งทางโครงการมองว่าอาจจะเป็นร้านค้าประเภท ไอศครีม หรือเป็นร้านค้าของคุณแม่ ประเภท การออกกำลังกาย โยคะ หรือสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า เพื่อเป็นการเติมเต็มระหว่างกันของครอบครัว

พื้นที่แบ่งเป็น 4 โซน มีร้านค้ามากกว่า 30 ร้านค้า ประกอบด้วย
1. EATERY ZONE ร้านอาหารและคาเฟ่
2. RETAIL ZONE ร้านค้าแบรนด์ชั้นนำสำหรับครอบครัว
3. HEALTH & BEAUTY ZONE ร้านสุขภาพและความงาม
4. EDUTAINMENT ZONE พื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ ที่เพิ่มเติมเป็นพิเศษเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก มีด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่

1)Indoor Playground สนามเด็กเล่น, บ่อทราย, mini climbing wall เน้นเป็นพื้นที่เล่นสนุกอย่างปลอดภัย และให้เด็กได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ผ่านการทำกิจกรรมหลากหลาย ที่เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
2)Outdoor Green Area สวนแปลงผักสำหรับการเรียนรู้ให้เด็กรับผิดชอบดูแลผักของตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนต้นจนถึงเก็บผลผลิต ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติและใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการเรียนรู้ในกระบวนการเพาะปลูกในทุกขั้นตอน ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ตระหนักและรู้จักการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3)Co-Learning Space พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบที่ไม่จำกัดเฉพาะเด็กเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ปกครองได้พัฒนาทักษะการเลี้ยงดูเด็ก และยังเป็นพื้นที่ทำการบ้าน หรือเป็นสถานที่สอนพิเศษ (Study Room) ในสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมจินตนาการกว้างไกล และสร้าง Social Interaction ให้กับเด็กด้วย และยังมีกิจกรรมสำหรับคุณแม่ในช่วงระหว่างสัปดาห์ อาทิ เวิร์คชอปสอนทำอาหารสำหรับเด็ก กิจกรรมเพื่อคุณแม่ที่ต้องการมีเวลาดูแลตัวเองบ้าง ส่วนช่วงสุดสัปดาห์ จะเป็นกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้เรื่องความสะอาดและความปลอดภัย เราให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ โดยจะมีจุดบริการแอลกอฮอล์เช็ดมือและทำความสะอาดร่างกาย เพื่อสุขอนามัยของส่วนรวม มีการทำความสะอาดแบบ Big cleaning 1 ครั้ง/สัปดาห์ ส่วนความปลอดภัย จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลที่ได้รับการฝึกอบรมความรู้ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยสำหรับเด็กมาเป็นพิเศษ และสามารถเข้าถึงได้ง่าย

“แม้ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์จะค่อนข้างสูง แต่ด้วยทำเลที่สะดวกเข้าถึงง่าย ทำให้ย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก รวมถึงจุดแข็งทางธุรกิจจากประสบการณ์จริงในฐานะคุณแม่ลูก 2 จึงเข้าใจความต้องการผู้ปกครองที่พยายามสรรสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูก อีกทั้งยังทำ Insight Survey พบว่าพ่อแม่ยุคนี้ต้องการพื้นที่ที่ตอบโจทย์ในส่วนนี้เช่นกัน ดังนั้นโครงการ แบมบีนี่ วิลล่า จึงเป็นเหมือนจิกซอว์ที่มาเติมเต็มกลุ่มเป้าหมายที่เรายังขาดอยู่ให้ตลาดในย่านนี้คึกคักขึ้น” ณพวงศ์ กล่าวเสริม

สำหรับร้านค้าไฮไลท์ ที่ตอบโจทย์ครอบครัว อาทิ ร้าน Holey Bakery เบเกอรี่ชื่อดังที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพและอุปกรณ์นำเข้าจากแบรนด์ระดับโลก ภายในร้านเด็กๆ ยังสามารถเข้ามาดูกระบวนการทำขนมปังของทางร้านได้อีกด้วย ร้าน Baby Bib Café ร้านคาเฟ่เมนูทั้งคาวและหวานที่คุณพ่อคุณแม่จะสังสรรค์กับเพื่อนโดยไม่ต้องกังวลว่าเด็กๆ จะเบื่อ ซึ่งมีพื้นที่สำหรับทั้งเด็กเล็กและเด็กโตไว้เล่นใกล้ๆ ผู้ปกครอง จูเลีย เกเบรียล เซ็นเตอร์ (Julia Gabriel Centre) โรงเรียนชั้นนำด้านการสอนการพัฒนาเด็กเล็กผ่านการพูดและการแสดง ก่อตั้งที่สิงคโปร์เมื่อปี 1983 และมีสาขา 12 แห่งในเอเชีย Julia Gabriel มีโปรแกรมการสอนที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะที่เรียกว่า EduDrama ที่สอนให้เด็กมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ การสื่อสารและการแสดงความเห็น และอารค์กิ (Arkki) โรงเรียนฝึกความคิดสร้างสรรค์และความเป็นผู้ประกอบการสำหรับเด็กและเยาวชน อารค์กิเป็นโรงเรียนชั้นนำระดับโลกที่ใช้การจัดการศึกษาอย่างสร้างสรรค์(Creative Education) สำหรับเยาวชน อายุ 4-19 ปี และยังมีร้านค้าอีกมากมายที่น่าสนใจทั้งนี้โครงการจะมีกิจกรรมที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน เพื่อเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ และการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างครอบครัวโดยโครงการจะแจ้งผ่านเว็บไซต์และFacebook Fanpageของโครงการ โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 700-1,000 คน และคาดว่าพื้นที่เช่าเต็ม100%ภายใน 2 ปีและมีอัตราการเติบโตของผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น ด้วยความชำนาญของทีมผู้บริหาร ที่ปรึกษาและทีมทำงานของแบมบินี่ วิลล่า อาทิ CBRE มาช่วยในการนำเสนอพื้นที่โครงการร่วมกับทีม Leasing ของโครงการ, Be Our Friends ออกแบบ Visual identity และ Brand System, บริษัท รีเทล แพสชั่น จำกัด ซึ่งชำนาญงานด้านการสื่อสารและการตลาดให้กับศูนย์การค้าชั้นนำมากมายมาร่วมวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการบริหารประสบการณ์ของลูกค้า, Charcoal Design บริษัทสถาปนิกซึ่งเชี่ยวชาญการออกแบบ Community Mall และเคยร่วมงานกันมา และ Christiani and Nielsen Thailand บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นแนวหน้า จึงมั่นใจได้ว่า โครงการแบมบินี่ วิลล่า เป็นคอมมูนิตี้มอลล์สำหรับครอบครัวที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและน่าสนใจ