การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)หรืออาจจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ถือเป็นเป้าหมายของผู้ประกอบการทุกธุรกิจ เพราะสามารถระดมเงินทุนเพื่อขยายกิจการเพื่อผลกำไรที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผู้มาร่วมลดความเสี่ยงจากการขายหุ้น รวมไปถึงธุรกิจก็มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น สำหรับธุรกิจที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านนั้น พบว่าปัจจุบันมีเพียงไม่กี่บริษัทที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุดเมื่อปี 2560 และ 2561 ได้มี 2 ค่ายแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นเครือญาติตระกูล “ปัทมสัตยาสนธิ” ตบเท้าที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)

 

อินเด็กซ์จ่อเข้าSETหวังระดมทุนขยายธุรกิจ
 โดยอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ก่อตั้งโดย นายพิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ  ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทอินเด็กซ์ อินเตอร์เฟิร์น เมื่อปี 2546 โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท มีกลุ่มครอบครัว “ปัทมสัตยาสนธิ” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 366,598,060 หุ้น หรือคิดเป็น 91.6%ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นให้เป็น “สเปเชียลมอลล์” ที่รวมเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน และของใช้ภายในบ้านที่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และแบรนด์อื่น ๆ ผ่านช่องทางหน้าร้านค้าปลีกของบริษัทฯ งานโครงการ ตัวแทนจำหน่าย (Dealer) และออนไลน์

ซึ่งนับได้ว่าอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นสเปเชียลมอลล์แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน และของใช้ภายในบ้าน ที่ได้รับการคัดสรรให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมเสนอบริการที่เป็นเลิศเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกระดับ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เปิดให้บริการสาขาแรกที่สาขาฟิวเจอร์ พาร์ครังสิต ในเดือนธันวาคม 2545 และได้ทำการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 26 สาขา ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้น ทำเลที่ตั้งในบริเวณชานเมืองที่มีกลุ่มที่พักอาศัยหนาแน่นการเดินทางสะดวกพร้อมบริการที่จอดรถ และมีแผนงานที่จะขยายต่อไปยังต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ อีกหลายสาขา

นอกจากเหนือจากธุรกิจที่ได้กล่าวมานี้ อินเด็กซ์ฯ ยังได้มีการให้สิทธิแฟรนไชส์กับผู้ประกอบการต่างประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ในประเทศนั้น ๆ และยังรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ประกอบธุรกิจให้เช่าและให้บริการพื้นที่เช่าภายใน Index Living Mall และรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้แบรนด์ The Walk และ Little Walk


เมื่อการดำเนินธุรกิจมาเกือบ 20 ปี และได้มีการขยายสาขาและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่ต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนสูง ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 105 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.79% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยใช้ชื่อย่อว่า ILM  และหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นของครอบครัว “ปัทมสัตยาสนธิ” จะลดลงจาก 91.6% เหลือ 72.6%

 

โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจของบริษัท โครงการขยายสาขาร้าน Index Living Mall โครงการขยายสาขาคอมมูนิตี้มอลล์ โครงการขยายสาขาเทคโนโลยี Younique โครงการขยายร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก โครงการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน โครงการอื่น ๆ ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

ทั้งนี้ก่อนการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว จำนวน 2,000,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ต่อมาที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 มีมติดังนี้ อนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เป็นหุ้นละ 5.0 บาท ทำให้หุ้นสามัญของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 400,000,000 หุ้น เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 525,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 105,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกินจำนวนดังกล่าวเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ส่งผลให้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,525,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 505,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 2,000,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว ไม่เกิน 2,525,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 505,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท

“ชิค รีพลับบลิค”เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดmai
ขณะที่นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค (CHIC) ซึ่งเป็นหลานอา ของพิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ” ที่เคยช่วยกลุ่มอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ บริหารงานมาหลายปี และมองว่า แนวโน้มการแข่งขันธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และมองว่าปัจจุบันตลาดเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และมีการแข่งขันที่รุนแรงที่สุด ผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดต้องสร้างจุดต่าง และจุดขายที่ชัดเจนจึงจะเกิดได้ ดังนั้นการเห็นถึงโอกาสในตลาดใหม่ๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวออกจากอินเด็กซ์ฯมาเปิด “ชิค รีพับบลิค” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 โดยสาขาแรกเปิดให้บริการในทำเล ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553

 

ซึ่งเป็นการเน้นเจาะตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่เรียกว่า Modtrad หรือ ตลาดเฟอร์นิเจอร์คลาสสิกสไตล์ยุโรป ที่มีการออกแบบผสมผสานด้วยสไตล์โมเดิร์น ที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ลูกค้าหลักของตลาด Modtrad เฟอร์นิเจอร์นี้จะมีอายุเฉลี่ยที่ 20 ต้นๆ จนถึง 40 กว่าปี โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อบ้านใหม่ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป และคอนโดฯ ราคา 100,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป

โดยปัจจุบันสินค้ากลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา ยุโรป และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประเทศเอเชีย ขณะที่ตลาดในไทยยังแข่งขันกันเฉพาะตลาดโมเดิร์น ทำให้ไม่มีสินค้าในกลุ่ม “Modtrad” เข้ามาจำหน่ายในตลาด ส่งผลให้โอกาสเกิดใหม่ของตลาดนี้มีสูง ปัจจุบัน “ชิค รีพับบลิค” เป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)” ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 4 สาขา คือ ประดิษฐ์มนูธรรม,พัทยา,บางนา,ราชพฤกษ์ และต่างประเทศ 1 สาขา คือ กัมพูชา


ซึ่งลักษณะการดำเนินธุรกิจจะมี 3 รูปแบบ คือ

1.การขายสินค้าผ่านหน้าร้านของบริษัท บริษัท มีการจำหน่ายสินค้า 2 ประเภท คือ

1) สินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท คือ “CHIC” และ “RINA HEY” ซึ่งมีสินค้าประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าตกแต่งบ้าน โดยมีสินค้าหลัก เช่น เตียง โซฟา ชุดรับแขก ชุดโต๊ะอาหาร ชุดตู้เสื้อผ้า เป็นต้น โดยสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

2) สินค้าที่บริษัทร่วมบริหารกับคู่ค้า (CONSIGNMENT) โดยใช้แบรนด์ของเจ้าของตราสินค้า เป็นสินค้าที่บริษัทขายร่วมกับเจ้าของตราสินค้า โดยมีสินค้าหลัก เช่น ที่นอน เครื่องนอน และโซฟาที่ปรับเอนได้ และกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Décor) และของใช้ในบ้าน เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ แจกัน และเครื่องครัว เป็นต้น ซึ่งสินค้ามีทั้งที่วางจำหน่ายหน้าร้านของบริษัท และสินค้าที่ลูกค้ามาจองซื้อสินค้ากับบริษัท โดยบริษัทไม่ต้องจัดเก็บสินค้าไว้ อาทิ ที่นอน       เป็นต้น ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายของการขายสินค้าผ่านหน้าร้าน โดยสินค้าจะต้องมีรูปแบบและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ในการเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์ของบริษัท

 

2.การขายงานโครงการ  เป็นการขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้งให้กับโครงการต่าง ๆ ในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in) และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (Loose Furniture) และสินค้าตกแต่งบ้านให้กับโครงการห้องชุด คอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร เป็นต้น

 

3.การให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าเช่า เป็นการแบ่งพื้นที่ให้เช่าภายในสาขาของบริษัทสำหรับร้านค้าเช่าต่าง ๆ การแบ่งพื้นที่ให้เช่าภายในสาขาของบริษัท ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทที่แตกต่างจากผู้ประกอบการอื่น ๆ และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ      ในการลงทุนขยายสาขาต่าง ๆ ของบริษัท  ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการแบ่งพื้นที่เช่าภายในสาขาของบริษัทเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโฮมแฟชั่นสโตร์เพิ่มขึ้น รวมถึงเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกสรรสินค้าภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของCHIC และ RINA HEY



และ
เมื่อวันที่  15 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา “ชิค รีพับบลิค”ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท และนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ใช่ชื่อย่อในตลาดฯว่า CHIC  และเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้อนุมัตินับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร


ทั้งนี้ตามแผนแล้วทั้ง 2 บริษัทจะขายหุ้น IPO ในปี 2562 นี้ แต่ด้วยปัจจัยลบที่ต่อเนื่องมาจากปี 2561 ที่ผ่านมา อาทิ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน  และระบบธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)ขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งนักลงทุนทั่วโลกต่างกังวลต่อวิกฤตกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วย ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงมีหลายบริษัทชะลอการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรอจังหวะให้ตลาดหุ้นร้อนแรงค่อยเข้าอีกครั้งหนึ่ง  ทำให้บรรยากาศการลงทุนบางช่วงไม่ค่อยดี และจากกระแสข่าววงในทราบมาว่าหากปัจจัยลบต่างๆยังไม่คลี่คลาย หรือดีขึ้น ทั้ง อินเด็กซ์ฯและชิค รีพับบลิคฯ คงต้องชะลอแผนการขายหุ้น IPO ออกไปก่อน เพราะหากมีการฝืนขายหุ้นIPOในช่วงเศรษฐกิจขาลง แล้วราคาออกมาต่ำกว่าจองก็จะลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้