เนอวานาไดอิฯเปิดแผนครึ่งปีหลัง62 จ่อผุดอีก7 โครงการใหม่ ทั้งคอนโดฯแนวราบ รวมมูลค่ากว่า10,000 ล้านบาท ล่าสุดดึงคริสตี้ส์ อินเตอร์เนชันแนล เรียลเอสเตทฯ เป็นตัวแทนขาย บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพผ่านบริษัทในเครือริชมอนส์ ลักชัวรี เรียลเอสเตท” เป็นโครงการแรกในประเทศไทย เตรียมโรดโชว์ 5 ประเทศ ภายใน 6 เดือน คาดสิ้นปีกวาดยอดขาย80%
นายกฤษณัน กฤตเมธภีมเดช รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท เนอวานาไดอิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯว่าปัจจุบันยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(Loan to Value: LTV)ที่ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวลง ซึ่งในส่วนของบริษัทฯได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเพราะการพัฒนาสินค้าของบริษัทฯมีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดที่ลูกค้ายังให้ความสนใจ และให้การตอบรับที่ดี จะเห็นได้จากการเปิดขายโครงการ“The Most อิสรภาพที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือในปีนี้จะมีการเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้นประมาณ7 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็นคอนโดฯ 1-2 โครงการ ซึ่งจะอยู่ในทำเลย่านประชาชื่น 1 โครงการ พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่  คอนเซ็ปต์ใหม่ ที่เน้นไลฟ์สไตล์เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นลักษณะการพัฒนาโครงการที่คล้ายกับโครงการของบริษัทในย่านกรุงเทพกรีฑาและอีก1 โครงการย่านสุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินซึ่งหากเจรจาซื้อที่ดินได้สำเร็จเร็วอาจจะเปิดขายในช่วงปลายปีนี้

 

และโครงการแนวราบ 5 โครงการ โดยในจำนวนดังกล่าวจะเป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 1 โครงการ  ซึ่งจะเป็นโครงการไฮไลท์ในช่วงปลายปีนี้ของบริษัทและโครงการในครึ่งปีหลังที่บริษัทจะเปิดทำให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ล่าสุดได้ดึงกลุ่มคริสตี้ส์ อินเตอร์เนชันแนล เรียลเอสเตท ในการทำการตลาดโครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” ที่ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า60% โดยลูกค้าเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดแล้ว และจะมีการจัดงานฉลองเปิดตัวคอนโดฯซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ในวันที่ 3 สิงหาคม 2562 เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์“Top of Life Experience” คาดว่าหลังจากที่บริษัทได้แต่งตั้งคริสตี้ส์ฯมาเป็นตัวแทนขายโครงการดังกล่าว จะช่วยขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าชาวยุโรป คาดว่าจนถึงปลายปี2562 จะสามารถทำยอดขายได้ 80% ส่วนราคาขายเฉลี่ยของโครงการดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว15-20% จากราคาเปิดขายในช่วงแรกมาอยู่ที่ 340,000 บาท/ตารางเมตร

 

อย่างไรก็ตามในครึ่งปีแรก 2562 บริษัทฯสามารถทำยอดดขายได้แล้ว50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยที่บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้  ด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่ายังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30-40% โดยที่บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน(Backlog) ประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะโอนในช่วงครึ่งปีหลังกว่า 1,000 ล้านบาท และอีกยังมีสต๊อกสินค้าที่อยู่ระหว่างพัฒนามูลค่ารวมกันเกือบ 11,000 ล้านบาทที่สามารถรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าได้

ด้านนายทิม สเคพวิงตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริชมอนส์ ลักชัวรี เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มคริสตี้ส์ อินเตอร์เนชันแนล เรียลเอสเตทฯ เข้ามาเป็นตัวแทนการขายโครงการ(Sole Agent)ในประเทศไทยผ่านบริษัท ริชมอนส์ ลักชัวรี เรียลเอสเตท จำกัด ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารโครงการในประเทศไทย หลังจากที่แตกไลน์ธุรกิจมาเป็นตัวแทนขายโครงการเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา  ซึ่งได้เริ่มจาก โครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ”เป็นโครงการแรกในประเทศไทย โดยระยะเวลาในการบริหารงานขายครั้งนี้จำนวน 6 เดือน(..-..62)โดยเริ่มจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 สิงหาคม2562 ณ ที่ตั้งโครงการ ซึ่งมีการดึงแบรนด์ซูเปอร์ชัวรี่ ที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มคริสตี้ส์ฯ มาจัดแสดงในงานดังกล่าวด้วย อาทิ Hermes ,Yves saint laurent ,Gucci ,Alexander MQueen ,Rolls-Royce ,Azmuts,Patek Philippe ,Maserati และ Aston martin เป็นต้น

หลังจากนั้นจะทยอยนำโครงการดังกล่าวไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์,เซี่ยงไฮ้,โตเกียว,ฮ่องกง และสวีเดน คาดว่าจะสามารถปิดยอดขายทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้  โดยจะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย สัดส่วน 70% จากโควตาชาวต่างชาติที่เหลือ 29%

 

ที่ผ่านมาเราเน้นการขายบ้านส่วนตัวให้กับลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ แต่เพิ่งมาขยายไลน์ธุรกิจด้วยการรับบริหารงานขายโครงการด้วย ปัจจุบันมีบริหารแล้ว 5 โครงการ คือ โครงการที่ฮาวาย,โครงการที่เกาะซาดิเนียอิตาลี,โครงการที่เมียนมา,โครงการที่ญี่ปุ่น และล่าสุดโครงการ บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์กรุงเทพ ซึ่งในประเทศไทยนั้นมองว่าอสังหาฯยังมีอัตราการเติบโตสูงโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯให้ผลตอบแทนจากการขายเฉลี่ย 6-8% และผลตอบแทนจากการเช่าประมาณ 4-5% หากเป็นตลาดระดับลักชัวรี่จะได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 3% เพราะมีซัพพลายน้อย แต่มีขนาดห้องที่ใหญ่ และดีมานด์น้อย จึงไม่สามารถทำราคาได้สูงมากนักนายทิม กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*