โบรกเกอร์อสังหาฯรายใหญ่ “แองเจิล เรียลเอสเตท” แจงแรงจูงใจสำคัญทำให้กลุ่มนักลงทุนกลุ่มใหญ่ชาวจีน หนีจากไทยไปลงทุนที่ญี่ปุ่น และตุรกี พร้อมเผยแผนธุรกิจรุกตลาดอสังหาฯญี่ปุ่น ทุ่มเงินซื้อบ้าน-คอนโดฯ รองรับการท่องเที่ยว นักลงทุน หลังให้ยิลด์ที่ดี โชว์ 7 เดือน ระบายคอนโดฯได้กว่า 1,000 ยูนิต 

 นายไซม่อน ลี

 นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท  คอนซัลแทนซี่ จำกัด  หรือ ARE  บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ (Foreign Quota )เปิดเผยว่าในแต่ละปีบริษัทฯ มียอดขายลูกค้าต่างชาติที่ผ่านการทำธุรกรรมกับบริษัทฯกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท สำหรับตลาดลูกค้าที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเติบโตอย่างมาก แต่ปัจจุบัน ตลาดเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากเจอผลกระทบจากสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่าถึง 25% เงินหยวนอ่อน รวมถึงกลุ่มประท้วงในประเทศฮ่องกง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายในเรื่องของสินค้าคอนโดฯที่เกิดภาวะล้นตลาด การตั้งราคาแพงเกินไป ทำให้ส่วนต่างราคาอสังหาริมทรัพย์ได้ไม่ถึง 20% ผลตอบแทนจากการเช่าหรือ Yield  ก่อนหักภาษี 3-4% เท่านั้น ทำให้นักลงทุนทั้งชาวจีน และต่างชาติที่สนใจลงทุนในประเทศไทยหดตัวอย่างชัดเจนในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ผลตามมาคือช่วงไตรมาส 3 -4 ปี2562 จะถดถอยอย่างแท้จริง บริษัทพัฒนาอสังหาฯจะต้องปรับตัว รวมถึงบริษัทแองเจิลฯเองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน กล่าวคือบริษัทฯ จะให้น้ำหนักไปยังตลาดอสังหาฯในประเทศญี่ปุ่น กัมพูชา และ ตุรกี เป็นกลุ่มประเทศที่มีความน่าลงทุน

ทั้งนี้ เกี่ยวกับธุรกิจเช่าแบบระยะสั้น ที่ปัจจุบันกฎหมายในประเทศไทยไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการ แต่ในประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น กัมพูชา ตรุกี ไซปรัส กรีก และกลุ่มประเทศทางยุโรปอื่นๆ ามารถประกอบกิจการธุรกิจเช่าแบบระยะสั้น ทำให้เงินจากนักลงทุนเริ่มจะหลั่งไหลประสู่ประเทศที่มีการอนุญาตให้ประกอบกิจการ เพราะมองว่าให้ผลกำไรที่ดีกว่าการปล่อยเช่าแบบระยะยาว

สำหรับในประเทศ ญี่ปุ่น บริษัทฯได้เข้าไปซื้ออสังหาฯ  ประเภทบ้านเดี่ยว บริเวณสถานีรถไฟเจอาร์ไลน์ จำนวน 10 หลัง ราคา 5-8 ล้านบาท ปัจจุบันได้ปล่อยเช่าให้กับAirbnb ในราคา 10,000-13,000 เยนต่อคืน โดยลูกค้าที่มาเช่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว และโครงการคอนโดฯในเมืองโอซาก้า จำนวน 4 ตึกๆ 50 ยูนิต มูลค่าอาคารละ 400-500 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 28 ตารางเมตร (ตร.ม.)เสนอขายลูกค้าที่สนใจราคาประมาณ 8-9 ล้านบาท

นายไซม่อน ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังใช้การท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ราคาอสังหาฯในญี่ปุ่นเริ่มปรับขึ้น หลังจากชะลอมา 2 ปี ซึ่งน่าจะได้ผลตอบแทน 6-8 % ส่วนประเทศตุรกี มีการจูงใจค่อนข้างสูง โดยมีนโยบาย กรณีที่ชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯราคา 8 ล้านบาท จะได้หนังสือเดินทางตุรกี ซึ่งนั่นเป็นอีกแรงจูงใจสำคัญทำให้กลุ่มนักลงทุนกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีน หนีจากไทยไปลงทุนที่ญี่ปุ่น และตุรกี เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ 2562 บริษัทฯตั้งเป้ามีการขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 1,500 ยูนิตราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2562 ที่มีการขายคอนโดมิเนียมจำนวน 3,200 ยูนิต ราคายูนิตเฉลี่ย 4 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาอสังหาฯในไทยแพงขึ้น สำหรับในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดการขายคอนโดมิเนียมแล้วรวมกว่า 1,000 ยูนิต หลักๆกว่า 85% มาจากยอดขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และอีก 15% จากมาจากพื้นที่จ.เชียงใหม่ และเมืองพัทยา

“ ผมเชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดกว้างมากขึ้น จะสามารถจะทำกำไรให้ประเทศไทย และส่งผลให้ค่า GDP สูงขึ้น” นายไซมอน กล่าวให้ความเห็นในตอนท้าย

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*