PPS เผยทิศทางธุรกิจปี 63 ชูกลยุทธ์ Sustainable Partnership เน้นความสามารถการทำกำไร รักษาอัตรากำไรสุทธิ 10% ดันบริษัทย่อยขยายขอบเขตการรับงาน รับมืออสังหาฯ ชะลอตัว พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจ ต่อยอดการเติบโตยั่งยืน ปัจจุบัน Backlog ประมาณ 400 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ขณะที่โครงการแหลมยามู จ.ภูเก็ต อยู่ระหว่างพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินงานปี 2563 ว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นเรื่อง Sustainable Partnership จับมือกับพันธมิตรเสนองานในโครงการต่างๆ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทและพันธมิตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะเห็นความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น รักษาอัตรากำไรสุทธิ 10%

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นเสนองานภาครัฐที่จะออกมาตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการที่ทยอยลงทุนหลายงาน และบริษัทหวังจะได้รับส่วนแบ่งจากงานกลุ่มนี้เพิ่มเติม

ด้านบริษัทย่อย PPS Oneworks วางแผนขยายงานออกแบบในกลุ่ม transit oriented หรือการพัฒนาพื้นที่รอบระบบขนส่งมวลชน ร่วมกับพันธมิตรในการทำงาน Smart city และงานด้าน technical support หรืองาน BIM (Building Information Modeling) เพื่ออำนวยความสะดวกในงานก่อสร้าง

อีกทั้ง บริษัท พีพีเอส อินโนเวชั่น จำกัด หรือ PPSI จะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และการขาย Software ที่ใช้ในการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง การทำ Schedule งาน Inspection และ BIM รวมถึงจัดอบรมการใช้เทคโนโลยีในงานก่อสร้าง นอกจากนี้ยังให้บริการด้าน BIM object สำหรับวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายและสร้างพื้นที่ทางการตลาด

“ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ชะลอตัวในปีนี้ อาจส่งผลกระทบให้การรับงานและการรับรู้รายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ บริษัทฯจึงต้องขยายขอบเขตการรับงานในส่วนที่เรามีความเชี่ยวชาญ รวมถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม จากแผนการดำเนินงานในปีนี้ เชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถมีรายได้ และมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น และกำหนดรายได้ของตัวเองได้แน่นอนขึ้น” ดร.พงศ์ธร กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการอาทิ งานศูนย์ราชการ เฟส C งานกรมโยธา โครงการ Block-H หลังสวนวิลเลจ WHAbangna คอนโด Muniq สุขุมวิท Holiday inn samui และงานกลุ่ม Retail นอกจากนี้อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาโครงการก่อสร้างงานภาครัฐ  ขณะที่ภาคเอกชนยังคงมีการลงทุนในบางกลุ่มธุรกิจ และอยู่ระหว่างยื่นเสนอโครงการ Mix-used อีกทั้งมีงานทำ Bim object เป็นงานออกแบบวัสดุและจัดเก็บข้อมูลให้กับบริษัทวัสดุก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลงานในโครงการเมกะโปรเจกต์และงานกลุ่มโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 200 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต โดยศึกษารายละเอียดเชิงลึกและประเมินผลตอบแทน เพื่อให้การลงทุนในครั้งนี้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จคาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง และกำหนดเป้ารายได้ได้ดีขึ้นจากการที่ไม่พึงพาโครงการของผู้อื่นทั้งหมด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*