อนาคตของอสังหาฯจะเปลี่ยนแปลงหรือมีทิศทางเป็นอย่างไรได้เพียงแต่คาดคะเนหรือเฝ้าจับตามองมีหลายปัจจัยที่เป็นตัวแปรไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการและการพัฒนาเทคโนโลยี สภาวะเศรษฐกิจ ภาวะสงคราม โรคระบาด ภับพิบัติ หรือแม้แต่กฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำให้ตลาดอสังหาฯต้องปรับตัวเพื่อรองรับตามความต้องการอย่างแท้จริง 

อนาคตตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มชะลอตัวในบางรูปแบบโครงการ เนื่องจากพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ปัจจุบันเราเห็นการใช้งานต่างๆผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค รวมทั้งแบรนด์สินค้าเอง ก็ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างด้วยเช่นกันจากผู้ซื้อที่หันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ พื้นที่ค้าปลีกรูปแบบต่างๆจึงจำเป็นต้องปรับตัวหรือชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป อนาคตอาจจะเห็นการปิดตัวลงของโครงการค้าปลีกต่างๆมากขึ้นแบบที่เกิดขึ้นแล้วในบางประเทศทางตะวันตก ในขณะที่อาคารสำนักงานในอนาคตพื้นที่ปล่อยเช่ามีขนาดเล็กลง เป็นผลจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของออฟฟิศเนื่องจากบริษัทอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ พื้นที่สำนักงานจึงจำเป็นเพียงแค่รับรองแขก หรือลูกค้ารวมทั้งเก็บเอกสารและการประชุมเท่านั้น. อาคารสำนักงานที่เห็นในตอนนี้อาจกลายเป็นอาคารที่มีผู้เช่าไม่เต็มอีกต่อไปในอนาคตเช่นเดียวกันกับคอนโดมิเนียมในอนาคตมีขนาดเล็กลงเพื่อปรับให้เหมาะกับกำลังซื้อ และการใช้งาน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่จะถูกใช้เพื่อบางกิจกรรม เช่น การทำงาน การพูดคุย หรือการทำอาหาร สำหรับความเป็นส่วนตัวนั้นจะถูกใช้ในพื้นที่ห้องส่วนตัว โดยที่จอดรถอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อไปหรืออาจมีก็จะถูกเปลี่ยนเป็นที่จอดรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น สำหรับรถยนต์ใช้น้ำมันอาจมีการยกเลิกในอีกหลายปีข้างหน้าในแง่ของการปล่อยเช่าในอนาคตเป็นไปได้ทั้งดีและไม่ดีเนื่องด้วยคนมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น อุปทานในตลาดมีเพิ่มขึ้นตามมาด้วย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดมีการขยายตัวไม่แตกต่างมากจากตอนนี้ แนวราบยังคงเป็นทางเลือกที่นิยมซื้อ ผู้ประกอบการจึงนิยมเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมากกว่าคอนโดมิเนียม แต่สำหรับจังหวัดที่มีเส้นทางของรถไฟฟ้ารางเบาผ่าน ก็เป็นไปได้ที่จะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินที่มีการปรับราคาขึ้นจะปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้เกิดโครงการคอนโดมิเนียมโอกาสการขยายตัวที่จะเกิดคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยและช้ามากกว่าพื้นที่กรุงเทพมหานครแม้จังหวัดที่มีรถไฟรางเบาผ่านก็ตาม เพราะความต้องการค่อนข้างแตกต่างกัน พฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตแตกต่างกัน พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เป็นตัวเร่งให้เกิดการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัย กลุ่มธุรกิจโรงแรม พื้นที่ค้าปลีก แต่จะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพราะภาคอุตสาหกรรมไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่รอบๆนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมต่างๆอาจได้รับความนิยมมากขึ้น พื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงจะกลายเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมตามการพัฒนาในรูปแบบ Transit Oriented Development หรือ TOD แต่ยังต้องรอคอยเวลานานในอีกหลายปี การพัฒนาจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต การส่งต่อหรือช่วงสับเปลี่ยนรัฐบาลอาจทำให้เกิดการสะดุดของโปรเจค แต่เชื่อได้ว่าทั้งEEC และ TOD คงไม่มีรัฐบาลไหนต้องการยกเลิกโครงการเหล่านี้ เมืองท่องเที่ยวชายทะเลยังคงเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติแต่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ ในทำเลนี้ผู้ซื้อคนไทยอาจจะไม่ใช่กลุ่มหลัก กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาเป็นระยะเวลานานหรือมากกว่า 1 ครั้ง อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า คอนโดมิเนียมที่อยู่ติดชายทะเลจะมีราคาสูงกว่าคอนโดมิเนียมที่ไกลออกไปจากชายทะเล แต่ยังคงอยู่ในระยะที่สามารถเดินมาชายทะเลได้ สำหรับอุปทานคอนโดมิเนียมชายทะเลมีเยอะมาก โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวการซื้อเพื่อหวังขายต่อหรือปล่อยเช่าอาจจะไม่ใช่คำตอบ ด้านเมืองรองหรือเมืองขนาดกลางที่อยู่รอบๆหัวเมืองใหญ่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะหัวเมืองใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้านรวมทั้งราคาที่อยู่อาศัยที่อาจมีการปรับสูงขึ้นจนกระทบต่อผู้บริโภคบางกลุ่มทำให้ต้องเลือกทำเลที่ขยับไกลออกมาเพื่อความต้องการที่อยู่อาศัยในราคาที่ต่ำกว่า

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขยาย เติบโตขึ้น ทำให้อนาคตเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ยังคงต้องคอยเวลาเพราะการเปลี่ยนแปลงได้ม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน ขณะเดียวกันปัจจัยและองค์ประกอบภายนอกอื่นๆ ที่ยากต่อการควบคุมก็เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งอาจทำให้การเติบโตหยุดชะงักหรือเป็นไปแบบล่าช้า แต่เชื่อได้ว่าอนาคตการเติบโตจะสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เกิดขึ้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*