ฮาบิแททฯปรับกลยุทธ์รุกขายผ่านออนไลน์ หวังระบายสต๊อกเก่า 7 โครงการ พร้อมประกาศเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ปี63 ไปปีหน้า ระบุยังมีที่ดินทำเลเด่นย่านสุขุมวิทอีก 4 แปลง รวมมูลค่าไม่ต่ำ 1,500 ล้านบาท ระบุพร้อมตัดแบ่งขายหากได้ราคาดี หรืออาจร่วมทุนพันธมิตรในอนาคต เชื่อหลังโควิด-19คลี่คลาย แนวราบจะขายดี คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าอาจไม่ตอบโจทย์เท่ารูปแบบดีไซน์รองรับWFH ตั้งเป้ายอดขายรายได้แตะ 1,500-2,000 ล้านบาท 
นายชนินทร์ วานิชวงศ์
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จากภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจในปี 2562 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมและภาคอสังหาฯอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 นั้นยิ่งเหมือนถูกสึนามิ ซ้ำเติมเข้ามาอย่างรุนแรง ดีมานด์ขาดความมั่นใจในการซื้อ ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องพลิกกลยุทธ์ด้านการขายที่เปลี่ยนเป็นการขายผ่านระบบออนไลน์ ให้ลูกค้าสามารถชมคลิปวิดีโอของโครงการแทนการเข้ามาชมโครงการ รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นใหม่ๆเพื่อให้ลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติเกิดความสนใจ  โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มใหม่ที่นอกเหนือจากจีน ซึ่งบริษัทฯสามารถขยายตลาดเพื่อกระจายความเสี่ยงออกไปในประเทศที่ยังไม่เคยเข้าไปทำตลาดให้ได้มากที่สุด

สำหรับในส่วนคอนโดฯระดับราคาสูง ลูกค้าใหม่ยังต้องการสัมผัสและดูห้องตัวอย่าง แต่ลูกค้าที่เคยเข้าเยี่ยมชมโครงการแล้ว บริษัทฯก็จะมีโปรโมชั่นและเงื่อนไขพิเศษเป็นกรณีไป  หากลูกค้าที่มีเงินพร้อม ก็ตัดสินใจซื้อได้ทันที

“ในไตรมาส 2 ยังคงมีการล็อกดาวน์ในหลายๆเรื่อง บริษัทฯ จึงเน้นการขายผ่านระบบออนไลน์ และเน้นการขายโครงการที่มีอยู่แล้วเช่นเดิม จำนวน 7 โครงการ คือ วาลเด้น อโศก ,วาลเด้น สุขุมวิท 39  ,วาลเด้น ทองหล่อ 8 ,วาลเด้น ทองหล่อ 13 ,รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา , บลูเฟียร์ พัทยา  และ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา ส่วนระบบออฟไลน์น่าจะเริ่มทำได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป” นายชนินทร์ กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 นี้ คงต้องเลื่อนไปเปิดตัวในปี 2564 แต่ทั้งนี้หากสภาวะตลาดดีขึ้น ก็อาจจะมีการปรับแผนอีกครั้ง ดังนั้นในช่วงนี้คงเน้นการขายโครงการเดิมไปก่อน รวมไปถึงการทดสอบขาย 2 โครงการใหม่ในย่านทองหล่อก่อนที่จะเปิดการขายอย่างเป็นทางการในจังหวะที่เหมาะสม  ส่วนอีก 2 โครงการใหม่ที่พัทยาคงเลื่อนไปปีหน้าเช่นกัน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังมีที่ดินที่รองรับการพัฒนาในย่านใจกลางสุขุมวิท อีก 4 แปลงๆละ ประมาณ 1 ไร่  รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการหาจังหวะในการที่จะพัฒนา หรือหากมีผู้สนใจซื้อที่ดินดังกล่าว และเสนอราคาที่ดี ซึ่งราคาที่ดินเริ่มตั้งแต่ 700,000/ตาราวา ถึง 1.5 ล้านบาท/ตารางวา ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถตกลงเรื่องราคาได้ ส่วนการร่วมทุนกับพันธมิตร ก็ยังให้ความสนใจเช่นกัน โดยมองว่าในระยะยาวเมื่อซัพพลายคอนโดฯในตลาดลดลง และดีมานด์ฟื้นตัว ก็พร้อมที่จะศึกษาข้อมูลอีกครั้ง

“โดยสภาวะตลาดขณะนี้ยังไม่ใช่การขึ้นโครงการใหม่ แต่ต้องเน้นการระบายของเก่า และศึกษาข้อมูลว่าอนาคตควรพัฒนาในรูปแบบไหน เพราะโควิด-19 ส่งผลกระทบตั้งแต่ลูกค้า และสถาบันการเงินที่เข้มงวดในการพิจารณาในปล่อยสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น   โดยเฉพาะอาชีพที่สุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ก็จะกู้ได้ยากขึ้น และคาดการณ์ว่าโควิด-19 น่าจะลากยาว 6 เดือน- 1 ปีขึ้นไป  คาดว่าตลาดอาจจะค่อยๆกลับมาในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งขณะนี้ก็มีลูกค้าจีนสอบถามข้อมูลกลับมาบ้างแล้วเช่นกัน ซึ่งต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง” นายชนินทร์ กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในยุคที่ไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีการระบาดนั้น  การดีไซน์ที่อยู่อาศัย จะไม่เน้นเรื่องพื้นที่ใช้สอยในการทำงานมากนัก  แต่ในภาวะที่มีโรคระบาด การออกแบบจึงมีผลมากในอนาตค โดยเฉพาะโครงการแนวราบจะขายดีมากขึ้น  ผู้บริโภคจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้า เพราะสามารถดีไซน์ฟังก์ชั่นที่หลากหลายตอบรับการทำงานที่บ้านได้  ส่วนคอนโดฯใกล้รถไฟฟ้า อาจจะได้รับความสนใจน้อยกว่าเดิม แต่อาจต้องมีสเปซรองรับการ Working From Home (WFH) ได้ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ จะมีเทรนด์การออกแบบที่รองรับ WFH มากขึ้น เพราะไม่ทราบว่าโควิด-19 จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ซึ่งก็ต้องตั้งรับกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทฯได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 1,500-2,000 ล้านบาท  ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ค่อยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ และไม่มีปัญหาในการโอนกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด และคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าทั้งหมด 6 โครงการ  จากมูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท (ไตรมาสแรก โอนไปแล้ว 500 ล้านบาท)  คือ

1.วาลเด้น อโศก (Walden Asoke)

2.เลอรอย ร่วมฤดี (LEROY Ruamrudee)

3.ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ เรสซิเดนซ์ (X2 Pattaya Oceanphere)

4.โครงการบลูเฟียร์ พัทยา (BluPhere Pattaya)

5.โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Bayphere Pattaya)

6.โครงการวินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya)

 

 

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*