Cr.โครงการคอนโด “ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์”

พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าถือว่าเป็นสถานี Interchange ที่สำคัญของฝั่งธนฯ และเป็นอีกพื้นที่ที่น่าสนใจและน่าจับตามองเนื่องจากสถานีบางหว้ามีความเป็นชุมชนมาก่อนหน้านี้แล้วและหลังจากที่รถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเปิดให้บริการสถานีนี้เป็น 1 ในสถานีที่มีคนใช้บริการรถไฟฟ้าอันดับต้นๆ แม้ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าปลายทางก็ตาม

ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการต่างให้ความสนใจกับการเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ากันเป็นจำนวนมากตั้งแต่ก่อนที่สถานีบางหว้าจะเปิดให้บริการปี 2556 เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ที่สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองทั้งในส่วนของ สีลม สาทร ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถเข้าถึงได้และสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองและแหล่งงานได้อย่างรวดเร็ว จึงมีผู้ประกอบการบางรายเข้ามาหาซื้อที่ดินและเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันเป็นจำนวนมากในช่วงก่อนหน้า

ภายหลังจากการเปิดให้บริการแบบสมบูรณ์ของสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าในช่วงปลายปี 2556 จึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นและต่อเนื่องแบบเห็นได้ชัด เพียงแต่ที่ดินรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีไม่มากนักโดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในแนวถนนเพชรเกษมเพราะเป็นอาคารพาณิชย์ตลอดทั้ง 2 ฝั่ง ผู้ประกอบการบางรายจึงจำเป็นต้องเลือกที่ดินที่อยู่ไกลออกไปหรือไม่ได้อยู่บนถนนเพชรเกษมจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าจึงมีไม่มากนัก

นายภัทรชัย ทวีวงศ์  รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ณ ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายแล้วก่อนหน้านี้สะสมอยู่ในพื้นที่อยู่ประมาณ 5,087 ยูนิต โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี2561 มากที่สุดคือประมาณ 1,451 ยูนิตมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยมองว่า หลังจากที่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการในปี 2562 ที่ผ่านมา จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นบนทำเลย่านนี้

อัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 78% โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรเกษมมีอัตราการขายเฉลี่ยสูงกว่าเพราะเป็นพื้นที่ที่มีโครงการที่เปิดขายมาหลายปีก่อนหน้านี้อยู่แล้วหลายโครงการและส่วนใหญ่ปิดการขายไปแล้ว โครงการที่อยู่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้ามีอัตราการขายเฉลี่ยที่ไม่สูงมากนักโดยเฉพาะในโครงการที่เปิดขายใหม่และมีราคาขายเริ่มต้นมากกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร เพราะในพื้นที่นี้ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จแล้วที่มีราคาขายต่อต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตรรวมไปถึงในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เช่น ตลาดพลู และวุฒากาศ เป็นต้น และสำหรับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายบนทำเลนี้ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 84,400 บาท ต่อ ตารางเมตร

การขายมาพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลย่านนี้ในราคาขายที่ต่ำกว่านี้ อาจจะเป็นแรงกระตุ้นความสนใจให้ Demand ที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลย่านนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมปัจจุบันจะแวดล้อมไปด้วยปัจจัยลบต่างๆมากมายก็ตาม

คนจำนวนไม่น้อยที่มีบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่อยู่ไกลออกไปทางถนนเพชรเกษม ราชพฤกษ์หรือพื้นที่อื่นๆ เลือกซื้อคอนโดมิเนียมรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า เพราะต้องการที่อยู่อาศัยที่สะดวกในการเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานครชั้นใน รวมไปถึงคนที่ต้องการเช่าที่อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็เลือกพื้นที่นี้ เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกอีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟฟ้าต้นทางที่วิ่งเข้าสู่เมืองชั้นในซึ่งมีผู้ใช้บริการเยอะมากในเวลาเร่งด่วน

ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเลือกเช่าหรือซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าเพราะราคาซื้อและค่าเช่าที่ต่ำกว่าในพื้นที่เมืองชั้นใน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบถ้วนไม่ได้แตกต่างจากพื้นที่รอบสถานีอื่นๆ เท่าใดนัก ชาวต่างชาติจึงเข้ามาเช่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้มากขึ้น รวมไปถึงนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีบางหว้าก็มีไม่น้อยส่งผลให้พื้นที่นี้ค่อนข้างน่าสนใจ และอาจจะน่าสนใจมากขึ้นถ้าผังเมืองกรุงเทพมหานครฉบับใหม่จะมีการปรับเปลี่ยนผังสีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่รอบสถานีบางหว้าให้มีความเหมาะสมกว่าในปัจจุบันเพราะสถานีบางหว้าเป็นสถานีร่วม รวมไปถึงการต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีบางหว้าขึ้นเหนือไปตามถนนราชพฤกษ์สิ้นสุดที่สถานีตลิ่งชันก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของพื้นที่นี้ในอนาคต

การเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในช่วงที่ผ่านา เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสำคัญของสถานีบางหว้าแต่เป็นอีกปัจจัยด้านลบที่มีผลต่อจำนวนคนที่มาใช้บริการที่สถานีบางหว้าด้วยเช่นกัน เพราะคนจำนวนไม่น้อยอาจจะไปใช้บริการเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการเดินทางไปทำงานโดยเฉพาะคนที่ทำงานในพื้นที่ตามแนวถนนรัชดาภิเษก แต่สายสีเขียวซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าหลักของกรุงเทพมหานครจะยังคงความเป็นเส้นทางหลักที่วิ่งเข้าสู่เมืองชั้นในต่อไปคนที่มาใช้บริการที่สถานีบางหว้าจะยังคงมากเป็นอันดับต้นๆ ต่อไป

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขายและอัตราการขาย คอนโดมิเนียมบริเวณพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2563

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ปัจจุบันคอนโดมิเนียมคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ  5 โครงการ  ประมาณ 3,863 ยูนิต มูลค่าโครงการ 10,345 ล้านบาท ขายไปแล้วประมาณ 3,026 ยูนิต หรือคิดเป็น  78% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด เหลือขายประมาณ 837 ยูนิต หรือคิดเป็น 22% 

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขายจำแนกตามประเภทห้อง

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 3,863 ยูนิต พบว่าผู้ประกอบการพัฒนาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดถึง 2,121 ยูนิต หรือคิดเป็น 54.9% โดยรองลงมาเป็นรูปแบบ สตูดิโอ 1,193 ยูนิตหรือคิดเป็น 30.9% และรูปแบบ 2 ห้องนอนที่ประมาณ 549 ยูนิต หรือคิดเป็น 14.2%

จากการสำรวจพบว่า รูปแบบ 2 ห้องนอนเป็นรูปแบบที่สามารถขายได้มากที่สุดที่ประมาณ 87.8 % คือสามารถขายได้แล้วประมาณ 482 ยูนิต จากอุปทานทั้งหมด 549 ยูนิต รองลงมาคือ รูปแบบ 1 ห้องนอน ที่ขายไปแล้ว 1,661 ยูนิต หรือคิดเป็น 78.3 % จากอุปทานทั้งหมด 2,121 ยูนิต และรูปแบบ สตูดิโอ ที่ขายได้ประมาณ 883 ยูนิต จากหน่วยขายทั้งหมด 1,193 ยูนิต หรือคิดเป็น 74.0%

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขายจำแนกตามระดับราคา

 

ที่มา: ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากข้อมูลพบว่าคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2563 พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการนิยมพัฒนาโครงการอยู่ในระดับ 2,500,001 – 3,000,000 มากที่สุดที่ 1,448  ยูนิตหรือคิดเป็น 37.5% รองลงมาคือระดับราคา 2,000,001 – 2,250,000 ที่ประมาณ 886 ยูนิต หรือคิดเป็น 22.9%  และระดับราคา 2,250,001 – 2,500,000 ที่ประมาณ 587 ยูนิต หรือคิดเป็นประมาณ 15.2 % ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด  และพบว่าในช่วงระดับราคา 3,00,001 – 5,000,000 เป็นช่วงราคาที่ขายดีที่สุดสามารถขายไปได้ประมาณ86.1% จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด และตามาด้วยระดับราคา 1,750,001 – 2,000,000 ที่สามารถขายไปได้แล้วประมาณ 79.0%  และระดับราคา 2,5000,000 – 3,000,000 ล้านบาท สามารถขายไปได้แล้วประมาณ 77.8%

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*