ศุภาลัยฯเชื่อครึ่งปีหลังมีสัญญาณบวกดึงกำลังซื้อคืนตลาด หวั่นหากโควิด-19 ระบาดรอบ2 แผนเปิดตัวคอนโดฯครึ่งปีหลังอีก 3 โครงการ อาจชะลอออกไป ส่งผลยอดขายปีนี้หาย 2,000-3,000 ล้านบาท  มั่นใจสถานะการเงินยังแกร่ง ล่าสุดเปิดตัวศุภาลัย ลอฟท์ สาทรราชพฤกษ์มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เผยต้นทุนที่ดินต่ำส่งผลราคาขายต่ำกว่าคู่แข่ง 30%  พร้อมปิดพรีเซลวันที่ 11-12 ..63 นี้ คาดสินค้าตอบโจทย์ฟันยอดขาย 70-80% ภายใน 1 เดือน
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI  เปิดเผยถึง ภาพรวมโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาในทิศทางที่ดี โดยสังเกตได้จากยอดเข้าชมโครงการต่างๆ ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นปัจจัยบวกให้ลูกค้าหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ และแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเห็นสัญญาณความต้องการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยกลับมาเพิ่มขึ้น ทำให้เป็นโอกาสในการขายและการโอนโครงการมากขึ้น

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปี 2563 ณ ปัจจุบันนี้ ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือเปิดตัวทั้งสิ้น 30 โครงการ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการรวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท และแนวราบ 25 โครงการ รวมมูลค่า 20,000 ล้านบาท

ซึ่งในครึ่งปีแรก 2563 ที่ผ่านมา เปิดตัวคอนโดฯไป 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท และแนวราบ 9 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวแนวสูง 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท และแนวราบ 16 โครงการ มูลค่าโครงการ 13,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายยังคงเป็นไปตามที่วางเป้าไว้เช่นกัน คือ 26,000 ล้านบาท และรายได้ที่ 24,000 ล้านบาท

เราคาดว่ายอดขาย 26,000 ล้านบาท จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ก็ค่อนข้างยากมาก เพราะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเปิดตัวคอนโดฯใหม่เป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากสถานการณ์ตลาดคอนโดฯมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะปีนี้และปีหน้าตลาดคอนโดฯจะยังเป็นช่วงพักฐาน ซึ่งเห็นจากผู้ประกอบการหลายราย โดยเฉพาะ Top10 ในตลาดที่เลื่อนการเปิดคอนโดฯออกไป  ในส่วนของศุภาลัยฯเองหากในครึ่งปีหลังไม่สามารถเปิดตัวคอนโดฯที่เหลืออีก 3 โครงการ มูลค่า 6,600 ล้านบาทได้ตามเป้า  ก็จะส่งผลกระทบยอดขายในปีนี้หายไปประมาณ  2,000-3,000 ล้านบาท  ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอดูสถานการณ์ว่าหลังจากโควิด-19 คลี่คลายแล้ว กำลังซื้อที่อั้นอยู่จะฟื้นตัวกลับคืนสู่ตลาดหรือไม่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในระยะเวลา 2 เดือนนี้ ส่วนโครงการแนวราบคงไม่ห่วงมากนัก เพราะมียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นว่าโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดรุนแรงอีกครั้งหนึ่งนายไตรเตชะ กล่าว

นายไตรเตชะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถาการณ์ที่มีความไม่แน่นอน สิ่งที่บริษัทฯให้ความสำคัญคือ การบริหารจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดภาระหนี้สิน ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และลดต้นทุนทางการเงินลง เพื่อทำให้บริษัทฯมีความพร้อม และคล่องตัวมากขึ้น เมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากการที่บริษัทฯมีการบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างดี ทำให้ภาระหนี้ลดลง และมีความสามารถในการกู้ยืมได้มากที่ระดับ Net Gearing 50% และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเหลือ 2% จากเดิมที่ 2.5% ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง

อีกทั้งในส่วนของงบซื้อที่ดินของบริษัทฯในปีนี้ คาดว่าจะใช้ได้ไม่ถึง 8,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้เพราะมองว่ายังไม่เร่งรีบในการซื้อที่ดินในช่วงนี้ ซึ่งระดับราคาขายที่ดินยังทรงตัวและยังไม่เห็นการปรับลดลงมา ทำให้บริษัทฯรอจังหวะในการซื้อเมื่อเห็นว่าราคาขายเริ่มปรับลดลงเพื่อความเหมาะสมในการนำมาพัฒนาโครงการที่คุ้มค่า และบริษัทยังมีที่ดินในมือที่ยังสามารถนำมาพัฒนาโครงการได้อีกมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ค่อนข้างมากถึง 10 แปลง

ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการศุภาลัย ลอฟท์ สาทรราชพฤกษ์ซึ่งตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม สูง 33 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 29-103.5 ตารางเมตร เป็นห้องชุด จำนวน 563 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 1.69-6.94 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 53,000 บาท/ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยที่ 60,500 บาท/ตารางเมตร  และร้านค้า 2 ยูนิต (ขณะนี้ยังไม่เปิดให้จอง) รวมมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมาบริษัทฯนำห้องชุดในชั้น 8 และ 16 จำนวน 41 ยูนิต เปิดให้ลูกค้าจอง ผ่านระบบ Online Booking เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก สามารถทำยอดขายรอบ Online Booking Sold Out ได้ 100%   ปัจจุบันมียอดขายรวมแล้วประมาณ 20% จากจำนวนยูนิตทั้งหมด

โดยยอดขาย Online Booking ที่ได้มา ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ และห้องชุดที่ขายดีที่สุดจะเป็นขนาด 35 ตารางเมตร ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าเป็นสินค้าในทำเลและราคาที่ตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงนายไตรเตชะ กล่าว

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเปิด Pre-Sales อย่างเป็นทางการ  ในวันที่ 11-12 กรกฏาคม 2563 ณ Sales Gallery   ทั้งนี้เดิมคาดว่าภายในระยะเวลา 1 เดือนนี้ จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ40% แต่อาจจะปรับขึ้นมาที่ 70-80%  อีกทั้งโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการแรกของบริษัทที่ผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตั้งแต่รอบแรก เนื่องจากบริษัทฯตั้งใจพัฒนาโครงการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริง จึงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ราคาคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ช่วงสถานีบางหว้าสนามกีฬาแห่งชาติตั้งแต่ปี 2555 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 บาท/ตารางเมตร แต่หลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ทำเลดังกล่าวไม่สามารถซื้อคอนโดฯในราคาเฉลี่ยดังกล่าวได้แล้ว ซึ่งปัจจุบันราคาเฉลี่ยได้ปรับขึ้นมาที่ 110,001 บาท/ตารางเมตร ซึ่งราคาเฉลี่ยโครงการศุภาลัย ลอฟท์สาทรราชพฤกษ์นี้ จะต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 30% เพราะเราต้องการเอาราคาต้นทุนที่ดินมาคืนกำไรให้กับลูกค้า ซึ่งเราซื้อมาเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ในราคาประมาณ 141,000 บาท/ตารางวาปัจจุบันปรับขึ้นไปที่เกือบ 300,000 บาท/ตารางวานายไตรเตชะ กล่าว

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนโครงการที่สร้างเสร็จใหม่และรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาเสริมอีกกว่า 9,000 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่เกือบ 40,000 ล้านบาท ทำให้รายได้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้  โดยลูกค้าของศุภาลัยฯที่โอนยังไม่เห็นสัญญาณการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น จะมีเพียงบางกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่อาจจะขอชะลอการโอนออกไป แต่มีจำนวนไม่มาก ส่วนมาตรการที่ศุภาลัยฯช่วยลูกค้าพักเงินดาวน์ 3 เดือน ก็มีลูกค้ามาขอเข้ามาตรการน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพียง 500 ราย จากBudget ที่ตั้งไว้ 5,000 ราย ก็มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าการโอนจะยังคงดีต่อเนื่อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*