เอสซีจี เซรามิกส์ฯ คาดการณ์ยอดขายครึ่งปีหลัง63 ยังชะลอตัว มูลค่าตลาดรวมหดตัวลดลงเหลือ  28,000-32,000 ล้านบาท เร่งปรับกลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อทุกช่องทาง รับมือพฤติกรรมเปลี่ยน เตรียมจัดทัพมุ่งสู่ธุรกิจติดตั้งตกแต่งต่อเติม พร้อมรับมือตลาดซ่อมสร้าง
นายนำพล มลิชัย
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดกระเบื้องในครึ่งปีหลัง 2563 ว่า จะทยอยฟื้นตัวกลับมา หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์มาอย่างต่อเนื่องเห็นได้จากยอดขายของผู้ประกอบการในตลาดและยอดขายของบริษัทในช่วงเดือนพฤษภาคม2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงแรกของการผ่อนคลายล็อกดาวน์เริ่มกลับมา จากการอัดอั้นในการซื้อช่วงล็อกดาวน์เกือบ 2 เดือน ทั้งกลุ่มลูกค้าครัวเรือน และกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่กลับมาสั่งซื้อกระเบื้องเซรามิก เพื่อนำมาปรับปรุงบ้านของลูกค้าครัวเรือนและการกลับมาเร่งการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งบริษัทคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะค่อยๆฟื้นกลับมา หากไม่มีปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 เกิดขึ้นในประเทศ

อย่างไรก็ตามมองว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของตลาดกระเบื้องและยอดขายของบริษัทจะยังคงหดตัวอยู่แต่หดตัวไม่ถึง 10% เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศแม้ว่าจะค่อยๆฟื้นตัวแต่กำลังซื้อยังคงชะลอตัวอยู่ และกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอการเปิดโครงการใหม่ ทำให้ไม่มีงานใหม่ที่เพิ่มความต้องการซื้อกระเบื้องเซรามิกเข้ามาเสริม ขณะเดียวการส่งออกไปขายในต่างประเทศยังมีความติดขัดอยู่บ้าง เพราะบางประเทศยังปิดการเดินทางเข้าประเทศอยู่ โดยเฉพาะอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ที่มีการกลับมาระบาดโควิด-19 รอบ2 และด่านชายแดนในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา (CLM) ซึ่งเป็นประเทศส่งออกหลักของบริษัทที่แม้ว่าจะกลับมาเปิดด่านชายแดนแล้ว แต่การส่งสินค้าไปจำหน่ายยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ภาพตลาดและภาพรวมของบริษัทในระยะสั้นยังไม่สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมองว่ามูลค่ารวมของตลาดกระเบื้องในปี 2563 จะลดลงเหลือ  28,000-32,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่  30,000-35,000 ล้านบาท

ปีนี้ถือเป็นปีที่เหนือความคาดหมาย ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่เจอกับภัยแล้ง ทำให้ชะลอการซื้อไปต้นปี และยังเจอกับโควิด-19 ตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/2563 มาถึงปัจจุบัน ซึ่งกดดันทั้งตลาดทำให้ปีนี้เผชิญกับความท้าทายมาก และไตรมาส 2/2563 ก็คงเป็นไตรมาสที่หนักที่สุด และหากไม่เกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 มองว่าก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น แต่อาจจะไม่เร็ว และยังไม่สามารถประเมินได้ชัดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ ซึ่งอาจจะเป็นปลายปี 2564 ไปแล้ว เพราะต้องรอวัคซียโควิด-19 ออกมาใช้จริง ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกตินายนำพล กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การขายในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเน้นไปที่ความสามารถในการเข้าถึงสินค้าได้จากหลากหลายช่องทางทั้งร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิก และช่องทางออนไลน์ โดยปัจจุบันบริษัทยังได้ร่วมมือกับร้านโมเดิร์นเทรด เพื่อช่วยกระตุ้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย ซึ่งในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ บริษัทสามารถทำยอดขายผ่านทางช่องทางดังกล่าวโดยรวมโตขึ้นถึง 300%

ด้านคลังเซรามิก มียอดขายสูงกว่าเป้าหมายในทุกเดือน ขณะที่ร้านผู้แทนจำหน่ายส่วนใหญ่ยังมียอดขายทรงตัว แต่เริ่มเห็นยอดขายจากร้านค้าผู้แทนจำหน่ายค่อยๆฟื้นกลับมาบ้างเล็กน้อยแล้ว พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆในกลุ่ม “Health and Clean” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัยสะอาดไร้กังวลและสร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัย

โดยบริษัทได้เร่งจำหน่ายกระเบื้อง Hygienic Tile หรือกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้อง ทำให้สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ขณะใช้งานและจะหมดประสิทธิภาพลงอย่างรวดเร็ว และได้ขยายพอร์ทสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญไม่เพียงแต่ความสะอาด แต่ยังต้องคำนึงถึงความสะดวกปลอดภัย และสวยงาม เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และล่าสุด กระเบื้องรุ่น 4D+ จากCAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่นเพื่อความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัย
อีกทั้งจะโปรโมทงานบริการติดตั้ง ภายใต้ชื่อ C’TIS (Certified Tile Installation Service) เพื่อให้บริการสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งกระเบื้องและวัสดุกรุผิว ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งปัจจุบัน C’TIS มีทีมช่างประมาณ 100 คนที่ให้บริการด้านสร้าง ซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้ง และยังคงเปิดรับสมัครทีมช่างจำนวนมากเข้ามาร่วมงาน โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ตามมาตรฐานของ C’TIS พร้อมกับมอบหมายงานให้ทีมช่างอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเข้ามาสร้างรายได้การบริการเข้ามาเสริม

สำหรับงบลงทุนของบริษัทยังคงไว้ที่ 350-400 ล้านบาท โดยที่ใช้ไปแล้วในครึ่งปีแรกกว่า 100 ล้านบาท และงบส่วนที่เหลือบริษัทยังคงนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังสำหรับการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร การบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน และและการขยายสาขาของบริษัท ส่วนการใช้กำลังการผลิตโรงงานของบริษัทได้กลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% แล้ว หลังจากช่วงล็อกดาวน์ใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 50% ซึ่งหากแนวโน้มตลาดกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นมองว่ากำลังการผลิตจะค่อยๆกลับมาเพิ่มขึ้นตาม แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังต้องมีการควบคุมต้นทุนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลง

อย่างไรก็ตามในปี 2563 นี้ บริษัทฯคาดว่ารายได้จะลดลงประมาณ 10-15% จากปี 2562  ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันรายได้ของบริษัทและรายได้ของบริษัทและกดดันต่อตลาดกระเบื้องในประเทศที่หดตัวลงแรงในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้ทำได้ไม่ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปีที่โต 10-15% หลังจากที่รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกได้หดตัวลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่ผ่านมา

คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังคงส่งผลต่อทั้งระบบเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีหลายปัจจัยที่ควรเฝ้าระวัง เช่น แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อ ความชัดเจนของการผลิตวัคซีนป้องกัน และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของตลาดกระเบื้องเซรามิกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้ไปสถานการณ์ตลาดในประเทศจะค่อย คลี่คลายลงตามลำดับ ตามที่ภาครัฐมีแนวทางและมาตรการต่าง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาคาดว่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกและวัสดุก่อสร้างดีกว่าในไตรมาสก่อน โดยบริษัท ได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิตเพื่อบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาดและจับตาดูพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย  ทั้งนี้ ยังต้องรอดูทิศทางของโควิด-19 หากไม่มีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนงานระยะฟื้นฟูตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้  นายนำพล กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*