ช. การช่าง มั่นใจแนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างครึ่งหลังปี 2563 ฟื้นตัวดีพร้อมเดินหน้าประมูลโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเริ่มประมูลตามแผนอีกครั้งหลังจากวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มั่นใจในจุดแข็งที่โดดเด่นทั้งจากศักยภาพการผนึกกำลังของบริษัทในเครือตามแผนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยสู่ยุค New Normal  เผยผลประกอบการปี 2562 แข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 2.4 หมื่นล้าน กำไรสุทธิ 1,778 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2563 ที่ 20,000 ล้านบาท 

 

ายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าสำหรับในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ตามโมเดลธุรกิจแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) ซึ่งสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว คล่องตัว และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ โดยอาศัยความแข็งแกร่งของกลุ่ม CK ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของบริษัทต่างๆในเครือทั้ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP โดยการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานมาต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ไม่มากนักและยังสามารถสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์

ทั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจในความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงการสาธารณูปโภคใหม่ต่างๆของภาครัฐทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเดินหน้าตามแผนในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยสู่ New Normal

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์

ด้านนางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CK กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่า  38,515 ล้านบาท มีผลงานความสำเร็จที่สำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทคือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีซึ่งก่อสร้างเสร็จสิ้น ส่งมอบ และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2562 และโครงการรถไฟฟ้าสาย  สีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายระยะที่ 2 (สถานีหัวลำโพง – สถานีหลักสอง) ซึ่งได้ทะยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่กันยายน2562 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครบทั้งสายในเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง2โครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความท้าทายด้านวิศวกรรม แต่บริษัทสามารถส่งมอบงานคุณภาพได้ตามแผนงานและภายใต้งบประมาณ

ในปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 24,797 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 1,778 ล้านบาท  มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8.61%

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 บริษัทไม่ได้รับผลกระทบทางตรงใดๆต่อรายได้ก่อสร้างและได้รับผลกระทบทางอ้อมเล็กน้อยจากการลงทุนเท่านั้น  เนื่องจากเรามีแผนบริหารความเสี่ยงและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ Business Continuity Plan (BCP) ที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินธุรกิจทั้งในโครงการก่อสร้างและสำนักงานใหญ่ พร้อมแนวปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัย สุขอนามัยอย่างเต็มที่ กลยุทธ์การมุ่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลายทำให้บริษัทได้รับผลกระทบด้านรายได้น้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น

ส่วนการดำเนินธุรกิจในอนาคตและแผนการประมูลงานของเราก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นี้ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นกลจักรหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะมีการทยอยเปิดประมูลออกมาตามแผน บริษัทฯจึงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยไปสู่ New Normal โดยโครงการที่บริษัทฯให้ความสำคัญ คือ

  • รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท
  • รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 77,000 ล้านบาท
  • และโครงการรถไฟทางคู่ที่ผ่าน EIA แล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาท

สำหรับในต่างประเทศ ขณะนี้ CKP อยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ในลาว มูลค่าใกล้เคียงกับ  ไซยะบุรี มั่นใจว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2563 ไว้ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯยังได้รับรางวัลจากองค์กรภาครัฐและเอกชนต่างๆมากมาย ทั้งรางวัลการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2562 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  รางวัลดีเด่นด้านการบริหารจัดการอาชีวอนามัย จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รางวัล Environmental Social and Governance 100 (ESG100) สถาบันไทยพัฒน์ และรางวัล “Drive Award 2019” บริษัทที่มีนวัตกรรมมีการบริหารจัดการเป็นเลิศ ในกลุ่มธุรกิจ Property and Construction จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการ มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 มีรายละเอียด ดังนี้

  • โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน – นครราชสีมา สัญญาที่ 3 ความคืบหน้า 84%
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) สัญญาที่ 1 ความคืบหน้า 44.80 % , สัญญาที่ 2 ความคืบหน้า 36.70% และสัญญาที่ 5 ความคืบหน้า 48.20 %
  • โครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง สัญญาที่ 4 สะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ความคืบหน้า 0.1%

ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังมุ่งสนับสนุนการดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมรอบด้านในทุกมิติ เริ่มจากการเลือกโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ การดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชนและสังคมเพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการบริหารตามหลักธรรมมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นบริษัทฯยังดำเนินโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องเช่น ด้านการส่งเสริมการศึกษาแก่เยาวชน ด้านกิจกรรมสาธารณกุศล การช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ในภารกิจสู้ภัยโควิด-19   ตลอดจนการใช้ศักยภาพด้านงานช่างและวิศวกรรม ในการสนับสนุนกิจกรรม “โครงการส่งเสริมนวัตกรรมช่างชุมชน”  ซึ่งทั้งหมดล้วนสอดคล้องกับพันธกิจของ ช. การช่าง ในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและพัฒนาประเทศผ่านโครงสร้างพื้นฐานและการคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*