”ธนารักษ์”ร่วมลงนามพันธมิตร เดินหน้าพัฒนาโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ”รามา-ธนารักษ์” “บ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์” และ “บ้านพักข้าราชการ”

 

วันนี้ (14สิงหาคม 2563) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง MOU ในโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ และ บ้านพักข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง กรมธนารักษ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด

ในส่วนวัตถุประสงค์ของการร่วมลงนามในครั้งนี้ เป็นการจัดสร้างตามโครงการของรัฐบาลซึ่งเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ โดยมุ่งสร้างในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมผุ้สูงอายุ และสร้างควมมั่นคงให้กับข้าราชการให้มีที่อยู่อาศัย และประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย ผ่านการบูรณการรวมกันของทุกภาคส่วน โดยการก่อสร้างผ่านบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด และได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารของรัฐ ภายใต้กรอบวงเงินที่กำหนด

สำหรับการร่วมลงนามในครั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย โดยการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ และได้มีการขยายโครงการในระยะที่ 2 อีก 50 ไร่ ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง และ จะเป็นโครงการที่จะนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในจังหวัดอื่นๆต่อไป

โครงการ บ้านสวัสดิการธนารักษ์  บนพื้นที่ราชพัสดุ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา บนเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ โดยเป็นการจัดสวัสดิการด้านที่พักอาศัยให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะเปิดให้จองในวันที่ 14 ส.ค. นี้ และ โครงการ บูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ นอกจากนี้มีแผนเตรียมเปิดให้จองโครงการบ้านสวัสดิการในตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 46 ไร่

ทั้ง 3 โครงการ มีจำนวนยูนิตรวมกันกว่า 920 ยูนิต มูลค่ารวมในเฟสแรกประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ให้สิทธิ์ในการเช่าซื้อ 30 ปี ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 2 ล้านบาทเศษต่อยูนิต ซึ่งคาดว่าในฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี ส่วนแผนในระยะถัดไปจะเริ่มดำเนินการต่อไปยังในพื้นที่หัวเมืองหลักของประเทศ ซึ่งหากเฟสแรกมีการเช่าซื้อแล้วเสร็จ จะดำเนินการต่อในเฟสที่ 2 ต่อไป ทั้งนี้คาดว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครั้งนี้จะสามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแรงงานได้อีกด้วย

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*