แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC  เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ขาดทุนสุทธิ 877 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม  ไตรมาส 2/2563 (เม.ย. – มิ.ย.) ที่ 775 ล้านบาท หรือลดลง 75.6%  จาก 3,182 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์จากทางภาครัฐในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงปลายพฤษภาคม 2563  ที่ผ่านมา

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์จากทางภาครัฐในช่วงปลายมี.ค. ถึงปลายพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา  ส่งผลให้บริษัทฯประกาศปิดดำเนินการโรงแรมเกือบทั้งหมด และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าต่างๆ ชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่บริษัทฯได้รับผลกระทบหนักที่สุด อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเติบโตระยะยาว รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายและออกมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้เช่า ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ AWC ยังคงได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเชิงธุรกิจ (Balanced and Diversified Portfolio) ด้วยกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ทั้งนี้ หลังจากภาครัฐได้ประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ในปลายเดือนพฤษภาคม 2563 โรงแรมภายใต้ AWC บางส่วน และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าต่างๆ ได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง โดยมีผู้บริโภคภายในประเทศกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ของบริษัทฯในเดือนมิถุนายน 2563เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

นางวัลลภา ไตรโสรัส

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิของไตรมาส 2/2563 ที่ 877 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากรายได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ที่อยู่ช่วงฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ และรายได้ที่มั่นคงจากกลุ่มอาคารสำนักงาน

ด้วยความพร้อมในด้านความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และมาตรการดูแลพนักงาน และโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถกลับมาเปิดดำเนินการโครงการต่างๆ ได้ทันทีหลังภาครัฐได้ประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ในช่วงปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เช่น กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) โรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา ซึ่งเป็นโรงแรมแรกที่เปิดดำเนินการได้หลังการผ่อนปรนระยะที่ 2 ทำให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์(*1) สูงถึง 98 % และในภาพรวมอัตราเข้าพักเฉลี่ยยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ AWC ยังได้จัดสรรโปรแกรม Bangkok Holidays Lifestyle, Gift of Happiness ด้วยข้อเสนอพิเศษ ด้วยห้องพักจากโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล และโรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นความต้องการของนักท่องเที่ยวในประเทศ และช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจากทั้ง 2 โรงแรมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์(*1) สูงถึง 70 % ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail) ได้มีการฟื้นตัวของจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการโครงการ (Traffic) อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการลาซาล อเวนิว ที่มีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการคิดเป็น 93% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเดือน มกราคม  2563    ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเชิงธุรกิจ (Balanced and Diversified Portfolio) ของ AWC กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office) ยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่อง โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ของร้านค้าเช่าในอาคารสำนักงาน อีกทั้ง AWC ยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด (Cost Control & Efficiency Initiatives) ซึ่งรวมถึงการดำเนินการบริหารจัดการสภาพคล่องของทุกส่วนงานของบริษัท ฯ (Cash Pooling) ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 761 ล้านบาทลดลง 56.8% จาก 1,761 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ AWC ยังริเริ่มในการนำความโดดเด่นของพอร์ทโฟลิโอที่หลากหลายทั้งในด้านกลุ่มธุรกิจ และที่ตั้งโครงการมาใช้ในการตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบ New Normal ให้กับกลุ่มลูกค้าต่างๆ อย่างครบวงจร ด้วยบริการรูปแบบใหม่ “AWC INFINITE LIFESTYLE” ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ทั้งการทำงานและพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยแพคเกจที่กำหนดระยะเวลาได้ตามที่ต้องการ

พร้อมกันนี้  นางวัลลภา ยังกล่าว ในตอนท้ายด้วยว่าบริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้งความแข็งแกร่งที่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกด้านมาตรฐานสุขอนามัย ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพ (Wellness) และนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay) AWC จึงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนพัฒนาโครงการคุณภาพ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับบริษัท พนักงาน ลูกค้า นักลงทุน ชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสู่เป้าหมายการเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก้าวหน้าและเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน

หมายเหตุ:  (*1) อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คำนวณจากอัตราเข้าพักเฉลี่ยในคืนวันศุกร์ และวันเสาร์

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*