เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เผยรายได้จากการขายให้บริการ 9 เดือน แตะ 1,266 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 52 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุจากการประกาศหยุดทำการโรงแรมชั่วคราวกว่า 3 เดือน ทยอยเปิดดำเนินการโรงแรมต่างๆ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ภายหลังรัฐบาลหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองล่าสุดเปิดให้บริการแล้ว 35 แห่ง จากทั้งหมด 39 แห่ง เดินหน้าขยายพอร์ตลงทุนเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด(มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยถึง ผลประกอบการของ SHR งวด 9 เดือนของปี 2563 ว่า มีรายได้และผลกำไรที่ลดลง ซึ่งถูกกดดันจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังเข้มงวด ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ เรามุ่งเน้นการบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินกลยุทธ์“Unlocking Model” ในไตรมาส 3 โดยเน้นการปรับแผนงานหลายด้าน ตั้งแต่การปรับอัตรากำลังคน การควบคุมต้นทุนให้เหมาะสมกับสภาพตลาด และการตลาด เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบันที่ยังคงพึ่งพิงตลาดภายในประเทศเป็นหลัก โดย SHR ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดกลุ่มลูกค้าในประเทศและในภูมิภาค เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจของตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัวในระยะใกล้ และเราคาดการณ์ว่าการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศจะเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในปลายไตรมาส 4 ถึงช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาดำเนินการแบบเต็มรูปแบบมากขึ้น

 

สำหรับกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนและการปรับตัวทางตลาดเริ่มเห็นผลชัดเจนในบางโรงแรม ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการโดยรวมมีแนวโน้มขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงในไตรมาสที่3 ของปี และเชื่อว่าโรงแรมบางแห่งจะสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานในช่วงปลายปีโดยเฉพาะโรงแรมในสาธารณรัฐมัลดีฟส์และประเทศไทยบางแห่ง ได้แก่ พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจบีช รีสอร์ท ที่มียอดการจองล่วงหน้าดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนโรงแรมในสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฟิจิ เริ่มมีความต้องการจากการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ดีขึ้น โดยอัตราการเข้าพัก เดือนกันยายน 2563 อยู่ที่ร้อยละ 40 และ 24 ตามลำดับ

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าเปิดให้บริการตามแผนควบคู่การปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยที่ปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และมาตรการด้านสาธารณสุขในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานการให้บริการที่ดีความใส่ใจในการดูแลลูกค้าผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ SHR

เมื่อเร็วๆนี้  รีสอร์ท 3 แห่งของบริษัท ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม โดย สันติบุรีเกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) ได้รับการยอมรับจากแขกที่เข้าพักให้เป็นโรงแรมที่ชาวต่างชาติต้องการมาพักมากที่สุดบนเกาะ การันตีด้วยรางวัล TripAdvisor Travelers’ Choice “Best of the Best” Award 2020 และ Agoda’s 2020 Customer Review Awards ส่วนรีสอร์ท 2 แห่งในเครือที่ได้รับการยกย่องจากรางวัล Condé Nast Traveler Readers ’Choice Awards ประจำปี2563 ได้แก่ พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท(Phi Phi Island Village Beach Resort) รีสอร์ทริมทะเลบนเกาะพีพี ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นรีสอร์ทที่ดีที่สุดอันดับที่ 6 ในประเทศไทย และฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) รีสอร์ทระดับ 5 ดาวบนเกาะมัลดีฟส์ได้รับการโหวตให้เป็นรีสอร์ทที่ดีที่สุดอันดับที่ 23 ในมหาสมุทรอินเดียนายเดิร์ก กล่าว

นายเดิร์ก กล่าวเพิ่มเติมว่าา  ท่ามกลางสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ยังซบเซา บริษัทฯยังคงไม่หยุดแสวงหาโอกาสในการขยายการลงทุนระยะยาว โดยยังคงเป้าหมายที่จะขยายพอร์ตการลงทุนเป็นสองเท่าภายใน 5 ปี ผ่านการเติบโตแบบ Asset Light Model หรือการขยายผ่านรูปแบบรับบริหารจัดการทรัพย์สินให้บุคคลภายนอกภายใต้สัญญา Hotel Management Agreement (HMA) ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 2564

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*