อโศก  ศูนย์กลางความเจริญใจกลาง
เมืองหลวง

อโศก ย่านความเจริญที่ขยายตัวมาจากสุขุมวิท ซึ่งเป็นย่าน CBD ที่สำคัญของกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมความเจริญต่างๆ  เป็นศูนย์กลางการเดินทาง ศูนย์กลางการศึกษา แหล่งรวมสำนักงานออฟฟิศเกรดเอ  แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลาย แหล่งรวมร้านอาหาร ย่านแฮงเอาท์สุดฮิตของคนวัยทำงาน  และยังเป็นย่านที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์อีกด้วย

ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของย่านอโศก คือการมาของรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ทำให้ย่านนี้เจริญอย่างรวดเร็ว ความเจริญนี้ส่งผลดีต่อย่านอโศก ทำให้เป็นที่รู้จัก และนอกจากนี้การมาของรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ซึ่งมีจุดตัดที่สำคัญอยู่ที่บริเวณสี่แยกอโศก ทำให้อโศกกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญเป็นจุด Interchange ระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT  เป็นสถานีที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก  นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ย่านอโศกยิ่งเป็นที่รู้จัก และเป็นย่านที่ทั้งกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในย่านนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงกับย่านอโศก คือ มีสำนักงานเกรด A ต่างเข้ามาเปิดในย่านนี้ และยังมีที่อยู่อาศัยระดับ Luxury ทั้งโครงการที่เป็น High Rise และ Low Rise เปิดตัวกันมากในย่านอโศก

อโศก กลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพอีกทำเลหนึ่งของกรุงเทพ เป็นย่านที่นักลงทุนต่างหมายตาเข้ามาลงทุน แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัด ส่งผลให้ราคาที่ดินย่านอโศกพุ่งขึ้นอย่างมาก เพราะที่ดินที่มีอยู่ก็ถูกจับจองกันไปแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ สามารถปิดการขายได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะสุขุมวิทฝั่งเลขคี่

อโศก HUB of  BANGKOK
กิน อยู่ เที่ยว ทำงาน จบที่เดียว

เดินทางสะดวกเชื่อมต่อทุกการเดินทาง รถ ราง เรือ และเป็นจุด Interchange รถไฟฟ้า 2 สาย

อโศก ถือเป็นย่านที่มีความเจริญ เป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง รถ ราง เรือ เป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้า 2 สายหลักของกรุงเทพฯ และจากสถานีสุขุมวิท เพียง 1 สถานีสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น  เป็นแยกใหญ่ที่สำคัญอีกแยกของกรุงเทพฯ เป็นจุดที่ถนนสายหลักมาบรรจบกันถึง 3 สาย คือ ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดา และถนนอโศกมนตรี สามารถใช้เป็นเส้นทางลัดเลาะไปได้อีกหลายที่

แหล่งไลฟ์สไตล์หลากหลาย รองรับทุกสไตล์

อโศก เป็นย่านที่มีความหลากหลายทั้งไลฟ์สไตล์กลางวัน และไลฟ์สไตล์กลางคืน เพราะย่านนี้เป็นที่ตั้งของทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงานออฟฟิศ ทำให้ย่านนี้มีไลฟ์สไตล์หลากหลายมาก อโศก เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าดังอย่าง Terminal 21 ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกอโศก และจากตรงนี้ยังใกล้ The Em District ห้างหรูระดับ World Class อย่าง Emporium EmQuartier และ Emsphere นอกจากนั้นอโศกยังมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ จำนวนมาก เพราะเป็นย่านที่มีสำนักงานออฟฟิศจำนวนมาก มีพนักงานออฟฟิศทั้งคนไทย และคนต่างชาติ ที่พอหลังเลิกงานนิยมออกมาแฮงค์เอาท์กันไม่ต่างจากย่านทองหล่อเลยทีเดียว

แหล่งรวมออฟฟิศเกรดเอ ย่านธุรกิจใหญ่ใจกลางกรุง

อโศก ถือเป็นย่านธุรกิจใหญ่ที่สำคัญอีกแห่งของกรุงเทพฯ เป็นย่านที่ขยายความเจริญมากจากย่านสุขุมวิท ทำให้อโศกจากเดิมที่ก็พอมีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่แล้ว  พอมีรถไฟฟ้าเข้ามา รวมถึงเป็นจุด Interchange รถไฟฟ้าถึง 2 สายทำให้ อโศก ยิ่งเจริญขึ้น ทำให้สำนักงานออฟฟิศเกรด เอ ต่างเข้ามาตั้งอยู่ย่านอโศก ทำให้เกิดการพัฒนาที่ดินในย่านนี้

ใกล้สถานที่สำคัญ ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล

อโศก เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาชั้นนำอย่าง โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโนฒ ประสานมิตร NIST International School และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และโรงพยาบาลในย่านนี้ เป็นโรงพยาบาลชั้นนำที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคตา โรงพยาบาลจักษุรัตนิน

เรียกได้ว่าย่านอโศกเป็นย่านที่ครบทั้ง 3 ด้าน Work Play Stay เหมาะที่จะเลือกเป็นที่พักอยู่อาศัย  ใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกต่างทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล สำนักงานออฟฟิศ แหล่งไลฟ์สไตล์ เรียกได้ว่าเป็นย่านที่รองรับการใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง

เจาะลึกข้อมูลย่านอโศก

ความน่าสนใจของย่านอโศก

พื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าอโศกเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะหลังจากที่เส้นทางรถไฟใต้ดินเปิดให้บริการส่งผลให้พื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าอโศกกลายเป็นสถานีร่วมของเส้นทางรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน อีกทั้งพื้นที่โดยรอบสถานีนี้ยังมีอาคารสำนักงานอีกมากมาย  รวมไปถึงเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีโรงแรมระดับ 3 – 5 ดาวอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เช่นกัน เนื่องจากว่าพื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าอโศกมีศักยภาพในการใช้ชีวิตสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว หรือว่าทำงานในกรุงเทพฯ  พื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในการหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของถนนสุขุมวิทหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าฝั่งเลขคี่ เนื่องจากพื้นที่ของฝั่งเลขคี่มีขนาดใหญ่กว่าฝั่งเลขคู่ การเดินทางภายในซอยต่างๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยสะดวก ส่วนของฝั่งเลขคู่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก เพียงแต่พื้นที่ในฝั่งนี้มีขนาดเล็กกว่า

โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่รอบๆ แยกอโศกนั้นมีมากมายดังตารางข้างบน สถาบันการศึกษาก็มีอยู่หลายระดับ เช่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว.) โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และโรงเรียนนานาชาติ NIST หรือโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงบนถนนเพชรบุรี ดังนั้นพื้นที่นี้จึงเป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และโครงการประเภทต่างๆ รวมกันอยู่ในพื้นที่เดียวมากขนาดนี้

ดังนั้นราคาที่ดินหรือว่าการปรับเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในพื้นที่นี้จึงสูงมากเช่นกัน โดย ณ ปัจจุบันก็บอกขายกันที่มาก
กว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว ส่งผลต่อโครงการที่เกิดขึ้นในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมาจึงมีแต่โครงการคอนโดมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นผลดี เพราะว่าส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้มีอัตราการขายสูง หรือว่าสามารถปิดการขายได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคี่ โครงการรูปแบบอื่นๆ ก็มีเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นโครงการพาณิชยกรรมที่มีทั้งโครงการมิกซ์-ยูส และโรงแรม

ภาพรวมตลาดคอนโดย่านอโศก

พื้นที่รอบๆ สี่แยกอโศก เป็นพื้นที่ของกรุงเทพฯ ที่ราคาที่ดินมากกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว ดังนั้น พื้นที่นี้จึงอาจจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมาไม่มากนัก ส่วนโครงการประเภทอื่นๆ นั้นก็มีมาก่อนหน้านี้มากกว่า 10 ปีแล้ว โดยเฉพาะโครงการอาคารสำนักงาน เมื่อมีโครงการคอนโดมิเนียมไม่มากนักแต่ศักยภาพที่ดินสูงมากแบบนี้ทำให้โครงการส่วนใหญ่ปิดการขายได้ในเวลาอันรวดเร็ว โครงการคอนโดมิเนียมสะสมทั้งหมดในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 8,057 ยูนิต โดยแยกตามปีที่เปิดขายใหม่ได้ดังนี้

โครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มีมากขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา เพราะเมื่อราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5–2 ล้านบาทต่อตารางวา หรือมากกว่านั้นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจในพื้นที่ เข้าไปซื้อที่ดินและเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงหลายโครงการ เพียงแต่ด้วยราคาที่ดินที่สูงมาก และผู้ประกอบการยังไม่มั่นใจว่าผู้ซื้อชาวไทยจะสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในระดับราคามากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรมากน้อยเท่าใด จึงมีผลให้มีจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมในพื้นที่นี้ไม่มากนัก แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากอัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ค่อนข้างสูงคือมากกว่า 85% ไปแล้ว อาจจะมีบางโครงการที่เพิ่งเปิดขายไม่นานเท่านั้นที่มีอัตราการขายไม่สูงมาก

พื้นที่อโศก มีศักยภาพสูง ราคาที่ดินก็สูงตาม แต่ก็เป็นข้อดีของพื้นที่นี้เช่นกันที่นักลงทุนหลายคนสนใจ เนื่องจากว่าการที่ที่ดินมีศักยภาพสูง ราคาสูงทำให้การปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่สูงตามไปด้วย แต่ในช่วงนี้มีบางโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์มีการลดราคาเพื่อที่จะได้ปิดการขายโครงการ ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นกันเป็นปกติในตลาดคอนโดมิเนียม

ราคาซื้อขายหรือราคาประกาศขาย/เช่าของโครงการที่สร้างเสร็จ
แล้วในอโศก

โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมามีราคาขายเริ่มต้นที่มากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร โดยเฉพาะในโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว บางโครงการราคาขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 230,000 – 240,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว  แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีบางโครงการลดราคาลงมาบ้างเพื่อปิดการขาย และเพื่อเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีผลให้ราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่ลดลง ดังนั้น ถ้าพิจารณาเฉพาะราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่เปิดขายในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรแน่นอน

อัตราการขยายตัวของค่าเช่า และผลตอบแทนจากค่าเช่า

ราคาซื้อขายคอนโดมิเนียมย่านอโศกมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 14.3% ต่อปี ซึ่งอาจจะดูเหมือนมากแต่ถ้าพิจารณาในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า การเพิ่มขึ้นของราคาขายอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยการปรับขึ้นของราคาขายอยู่ในช่วง 8–10% ต่อปีเท่านั้น ดังนั้น Capital Gain หรือผลตอบแทนจากราคาซื้อขายในปัจจุบันค่อนข้างต่ำ ขึ้นอยู่กับโครงการและการเข้าซื้อของผู้ซื้อในแต่ละช่วงเวลา ถ้าซื้อโครงการที่เปิดขายในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ เปิดขายต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในปัจจุบันก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีผลตอบแทนจากราคาซื้อขายมากถึง 20% หรือมากกว่านี้ แต่ถ้าเป็นโครงการที่เปิดขายในปี พ.ศ.2562 ก็อาจจะได้ Capital Gain ต่ำกว่าที่กล่าวไปแล้ว เพราะการปรับขึ้นราคาซื้อขายคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่กับภาวะตลาด และเศรษฐกิจด้วย ถ้าพื้นที่ใดมีการซื้อขายกันสูงการปรับขึ้นของราคาซื้อขายจะมาก และผลตอบแทนจากการซื้อหรือ Capital Gain จะสูงตาม

ในส่วนของค่าเช่าคอนโดมิเนียมในอโศกก็ค่อนข้างหลากหลาย แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในช่วง 5–6 ปีที่ผ่านมา พบว่า ค่าเช่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่อื่นๆ เพราะพื้นที่นี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ราคาที่ดินแพง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบถ้วน เป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติรู้จัก อีกทั้งยังเดินทางสะดวกมากทั้งในมุมของคนไทยและต่างชาติ ดังนั้น ค่าเช่าคอนโดมิเนียมในอโศกจึงค่อนข้างสูงและไม่ค่อยลดลงมากนักในช่วงที่ชาวต่างชาติลดลง สำหรับค่าเช่าในโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จมามากกว่า 20 ปีแล้วจะมีค่าเช่าที่ถูกมากเมื่อเทียบกับโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ต้องพิจารณาในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง และสภาพของโครงการด้วย

อัตราการขยายตัวของคาเช่า และผลตอบแทนจากค่าเช่า

ค่าเช่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่ค่อนข้างคงที่ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมา เพราะอุปทานหรือคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเช่ามีจำนวนมากขึ้นอีกทั้งยังมีโครงการคอนโดมิเนียมเก่าที่สร้างเสร็จมาแล้วมากกว่า 15 ปีอยู่ในพื้นที่อีก ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มนี้มีต้นทุนเรื่องของราคาซื้อขายที่ต่ำกว่า และมีขนาดห้องกับรูปแบบห้องที่แตกต่างจากโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในช่วง 4–5 ปีที่ผ่านมาแบบชัดเจน ค่าเช่าคอนโดมิเนียมในโครงการเหล่านี้จะต่ำแต่อาจให้ผลตอบแทนจากการเช่าที่ค่อนข้างสูงกว่าโครงการใหม่ๆ เพราะต้นทุนจากราคาซื้อขายต่ำกว่า

อัตราผลตอบแทนจากค่าเช่าของคอนโดมิเนียมในอโศก ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3–6% แตกต่างกันไปตามต้นทุนราคาซื้อขาย และทำเลที่ตั้งของโครงการรวมไปถึงตำแหน่งของห้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อัตราผลตอบแทนจากราคาซื้อขายและค่าเช่าในโครงการเดียวกันจะไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปตามช่วงเวลาการเข้าซื้อ ชั้น ตำแหน่งของยูนิต เพราะมีผลต่อราคาซื้อขาย แต่ผลตอบแทนจากค่าเช่าในพื้นที่อโศกจะยังคงรักษาระดับนี้ไว้แล้วค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในอนาคต เมื่อภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อกลับมาดีขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินที่ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น โครงการที่เปิดขายทีหลังย่อมมีราคาขายมากกว่าโครงการที่เปิดขายและสร้างเสร็จก่อนแน่นอน ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายและกำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบันมีความน่าสนใจในการลงทุนเพื่อรอรับผลตอบแทนในอนาคต

กลุ่มคนสัญชาติใดที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้

พื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทเป็น 1 ในพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่เยอะที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากข้อมูลกระทรวงแรงงาน พบว่า ในกรุงเทพมหานครมีชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน ณ สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ.2563 ประมาณ 80,991 คน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำงานที่ไม่ใช่การใช้แรงงาน แม้ว่าชาวต่างชาติทั้งหมดนี้จะอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ก็กระจายกันออกไปในหลายๆ ทำเลทั่วกรุงเทพฯ แต่ทำเลที่ชาวต่างชาตินิยมอยู่อาศัยกันมากที่สุด คือ พื้นที่ทั้งสองฝั่งของถนนสุขุมวิท

พื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งของถนนสุขุมวิทนั้นเป็นพื้นที่ยอดนิยม และสามารถพูดได้ว่ามีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่มากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งชาวต่างชาติแต่ละประเทศก็อยู่ในทำเลที่แตกต่างกัน

นานาหรือซอยสุขมุวิท 1 – 5 และซอย 2 – 4 บริเวณนี้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวตะวันออกกลางหรืออาหรับซึ่งมีทั้งกลุ่มคนที่เข้ามาทำงานและท่องเที่ยว แม้ว่าในบริเวณนี้จะมีสถานบันเทิงซึ่งมีชาวต่างชาติอื่นๆ รวมทั้งคนไทยเข้าไปใช้บริการอยู่บ้าง แต่ถ้านับเฉพาะคนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นคนจากตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะในโรงแรม คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นต์ จะเห็นคนจากตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่

นอกจากการเข้ามาทำงานหรือมาท่องเที่ยวแล้ว ยังมีชาวตะวันออกกลางส่วนหนึ่งนิยมเข้ามารักษาพยาบาล หรือตรวจสุขภาพและเป็นลูกค้าหลักของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณนี้(สุขุมวิท ซอย 1) ดังนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จึงเลือกที่จะพักอาศัยในบริเวณใกล้แถบนี้ด้วย เพราะสะดวกต่อการเดินทาง ชาวตะวันออกกลางส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาประเทศไทยแบบมาทั้งครอบครัว ดังนั้น การเช่าคอนโดมิเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความสนใจ

สุขุมวิท ซอย 12 ย่านโคเรียนทาวน์ เลยจากจากนานาไปไม่ไกล ช่วงก่อนถึงสถานีรถไฟฟ้าอโศก บริเวณซอยสุขุมวิท 12 ทั้งในซอยและพื้นที่โดยรอบจะเป็นบริเวณที่มีชาวเกาหลีอยู่ค่อนข้างเยอะ แม้ในปัจจุบันจะเริ่มมีชาวญี่ปุ่น จีน เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่นี้เยอะขึ้นเช่นกัน แต่ชาวเกาหลีก็ยังคงเป็นชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ในบริเวณนี้ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากร้านอาหารที่เปิดให้บริการโดยคนเกาหลี ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายสินค้านำเข้าจากเกาหลีทั้งขนม นมเนย วัตถุดิบในการทำอาหาร แม้กระทั่งเครื่องครัว หรือเครื่องใช้อื่นๆ ที่พวกเขาคุ้นเคยในเกาหลี โดยร้านเหล่านี้กระจายกันอยู่ในบริเวณนี้  รวมทั้งยังอยู่ในสุขุมวิทพลาซ่าหรือโคเรียนทาวน์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารเกาหลีที่ภายในมีร้านอาหารเกาหลีอยู่หลายร้าน รวมทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย

คนเกาหลีจำนวนหนึ่งไม่ได้มาอยู่กรุงเทพฯ ตัวคนเดียว แต่จะมีภรรยา หรือลูกมาด้วย ดังนั้น บริเวณนี้ในตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ จะเห็นชาวเกาหลีเดินไปมา นั่งจิบกาแฟในร้านกาแฟ ทานอาหารในร้านอาหารต่างๆ รวมทั้งจับกลุ่มพูดคุยกันโดยเฉพาะในสุขุมวิทพลาซ่า

สุขุมวิทซอย 21 – 33/1 บริเวณนี้อาจจะกินพื้นที่เยอะสักหน่อย ตั้งแต่สุขุมวิทซอย 21 ไปจนถึงซอยสุขุมวิท 33/1 ถนนสุขุมวิทช่วงนี้มีชาวต่างชาติอยู่ค่อนข้างเยอะ หลากหลายสัญชาติคละเคล้ากันไป แต่ที่ชัดเจนและน่าสนใจที่สุด คือ ชาวญี่ปุ่น บางซอยในบริเวณนี้สามารถพบเจอร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการโดยคนญี่ปุ่น ร้านขายสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น ร้านเช่าหนังสือภาษาญี่ปุ่น ร้านเช่าDVD ที่เป็นภาพยนตร์ภาษาญี่ปุ่น รวมทั้งรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่น บางร้านอาจจะอนุญาตให้เฉพาะคนที่เป็นสมาชิกเข้าไปใช้บริการเท่านั้น โดยเฉพาะร้านเช่าหนังสือ และร้านเช่า DVD

แม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะนิยมพักอาศัยในเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ แต่บางส่วนโดยเฉพาะคนที่มีอายุไม่มากอาจจะเลือกพักในคอนโดมิเนียม และไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า จากที่สังเกตุพบว่า คอนโดมิเนียมบางโครงการ ถ้าเริ่มมีบริษัทญี่ปุ่นมาเช่าหลายๆ ห้อง เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานก็จะมีบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ ตามเข้ามาอีกมากมาย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นนิยมการอยู่กันเป็นชุมชนกับคนชาติเดียวกันนั่นเอง

หากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการ์โควิด-19ก็ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบโดยตรงต่อตลาดคอนโดโดยเฉพาะกับโครงการที่มีผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติ เพราะมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือ การปิดน่านฟ้า งดการเดินทางระหว่างประเทศ มีผลให้ชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยไปแล้วไม่สามารถเดินทางเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ในประเทศไทยได้ จริงอยู่ที่อาจจะมีชาวต่างชาติส่วนหนึ่งเลือกที่จะไม่โอนกรรมสิทธิ์หรือทิ้งเงินดาวน์ไปเลย แต่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ยังไงก็ยังคงอยากเก็บคอนโดมิเนียมที่พวกเขาซื้อไว้ก่อนหน้านี้ เพราะจ่ายเงินไปแล้วส่วนหนึ่ง อีกทั้งถ้าเป็นโครงการที่น่าสนใจในทำเลดีๆ ก็ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่อย่างแน่นอน เนื่องจากว่าผู้ซื้อต่างชาติเองในปัจจุบันเขาก็รู้ว่าทำเลใดมีอนาคตหรือมีความน่าสนใจ และทำเลใดมีทิศทางการขยายตัวทั้งในเรื่องของราคาและความต้องการทั้งซื้อและเช่า และย่านอโศกเป็นทำเลที่มีครบตามที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติต้องการ

จากข้อมูลเจาะลึก และศักยภาพของย่านอโศก เห็นได้ว่าเป็นย่านที่ไม่ว่าจะอยู่เอง ก็เป็นย่านที่มีความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ใกล้สถานที่ต่างๆ ครบทั้ง Work Play Stay สามารถรองรับการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี  หรือจะลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็เป็นย่านศักยภาพมีความพร้อม และยังเป็นย่านที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย นิยมที่จะเลือกอยู่อาศัยในย่านที่มีคนชาติเดียวกันอยู่จำนวนมาก  และวันนี้จะพาชมโครงการ WALDEN ASOKE โดย HABITAT Group  ที่มาพร้อม Exclusive Service เหมือนอยู่โรงแรม โดยบริการทั้งหมดนี้จาก เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ (JRE Development) บริษัทลูกของ “แจลุกซ์” (JALUX Inc.) จากญี่ปุ่น

ความน่าสนใจของโครงการที่มีนิติบุคคลมาตรฐาน
จากประเทศญี่ปุ่นมาบริหารงาน

การบริหารโครงการคอนโดมิเนียมภายหลังจากที่ผู้ประกอบการสร้างเสร็จและส่งมอบความรับผิดชอบของโครงการให้กับผู้ที่ซื้อไป ซึ่งจะมีการแต่งตั้งบริษัทรับบริหารโครงการมาบริหารภายในโครงการอีกที แต่ถ้าผู้ประกอบการมีบริษัทที่มาความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญเฉพาะทางมาบริหารโครงการอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการ เพราะโครงการที่อยู่อาศัยหลายโครงการที่ช่วงก่อสร้างเสร็จใหม่ๆ นั้นสวยงาม ส่วนกลางเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีการดูแลรักษาต้นไม้รวมไปถึงทรัพย์สินส่วนกลางต่อเนื่อง แต่เมื่อผ่านไปไม่นานกลับกลายเป็นขาดความสวยงาม และขาดกการดูแลรักษา เนื่องจากผู้บริหารโครงการขาดการเอาใจใส่หรือไม่มีความเป็นมืออาชีพ

ฮาบิแทท กรุ๊ป รับรู้ถึงปัญหาตรงนี้ และการที่โครงการของพวกเขาอยู่ในทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ จึงจำเป็นต้องสรรหาผู้บริหารโครงการซึ่งมีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยล่าสุดฮาบิแททร่วมมือกับแจลุกซ์ จากประเทศญี่ปุ่นโดยให้แจลุกซ์เข้ามาบริหารโครงการของฮาบิแทท กรุ๊ป ตามมาตรฐานของ L’axe JALUX ให้กับผู้พักอาศัยภายในโครงการซึ่งอยู่ในทำเลที่มีชาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่เยอะในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำตลาดสำคัญของโครงการของฮาบิแทท กรุ๊ป ทั้งในพื้นที่อโศก และทองหล่อ  โดยบริการของแจลุกซ์ ประกอบไปด้วย

  1. บริการทำความสะอาด ซักรีด
  2. บริการเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คำปรึกษา และแนะนำเกี่ยวกับสัญญาหรือขั้นตอนต่างๆ
  3. การสะสมไมล์ของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์
  4. บริการ Shutter Bus
  5. บริการรับส่งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
  6. บริการพิเศษสำหรับลูกค้าชาวญี่ปุ่น คือ บริการจัดหาครูสอนวิชาต่างๆ ให้กับแม่บ้านชาวญี่ปุ่น อาทิ สอนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ โยคะ อาหารไทย เป็นต้น ที่สำคัญอัตราค่าบริการพิเศษต่างๆ สามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการ แบบยืดหยุ่นและความเหมาะสมของลูกค้า

WALDEN ASOKE คอนโด Low Rise ระดับ Luxury ออกแบบให้ดูทันสมัย ทั้งดีไซน์ และการให้สีที่เน้นโทนเข้ม  สูง 8 ชั้น บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ให้ความเป็นส่วนตัวเพียง 83 ยูนิต มีรูปแบบห้องให้เลือกหลายหลาย ทั้ง แบบ 1 ห้องนอน, 1 ห้องนอน แบบ Loft และ 2 ห้องนอนแบบ Loft ซึ่งทางโครงการขายแบบ Fully Furnish ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ

ส่วนกลางโครงการ จะมี 2 ส่วนด้วยกัน  เริ่มจากบริเวณชั้น 1 เป็นส่วนของ Lobby ที่มีความสูงแบบ Double Volum สูงโปร่งถึง 6 เมตร ชั้นลอยด้านบนโครงการจัดเป็นที่นั่งพักผ่อนสำหรับอ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังมี ฟิตเนส ห้องนิติบุคคล เลาจน์ และจุดจอดรถอัตโนมัติ

และชั้น Rooftop ทั้งชั้น โครงการออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง สำหรับพักผ่อน มีสระว่ายน้ำ ที่มาพร้อมมุมพักผ่อน Sunken Jacuzzi Kid’s Pool, Hot&Cold Spa, Vichy Conner, Sky Pavilion, Sky Garden, Dinning Space&BBQ, Sun Deck, Kid’s Zone, Multi-Purpose Area, Play Ground, Sunken Party Space

WALDEN ASOKE มีรูปแบบห้องให้เลือกถึง 7 รูปแบบ สำหรับห้องตัวอย่างที่พาชมวันนี้ เป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 Sq.m. ทางโครงการขายแบบ Fully Furnish  วอลเปเปอร์ สีและแบบตามมาตราฐานโครงการ (บางส่วน), เคาน์เตอร์ครัว และซิงค์, เฟอร์นิเจอร์ (บางส่วน), ชุดสุขภัณฑ์, อ่างอาบน้ำ, ฝักบัว, ประตู Digital Door Lock (แบรนด์ Yale)

และทางโครงการยังให้ Nasket Tablet บริการที่จะช่วยอำนวนความสะดวกในการช้อปปิ้ง, จ่ายค่าสาธารณูปโภค และบริการต่างๆ

โครงการ WALDEN ASOKE เป็นอีกหนึ่งโครงการจาก ฮาบิแทท กรุ๊ป ที่ร่วมมือกับแจลุกซ์ มาบริหารงานนิติบุคคลให้กับทางโครงการ ด้วยบริการระดับพรีเมียม ที่ดูแลลูกบ้านเหมือนพักโรงแรมหรู ด้วยบริการทำความสะอาดห้องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พร้อมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ฟรีเคเบิ้ลท่องถิ่นประเทศญี่ปุ่น พร้อม Call Center ที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมไว้รองรับลูกบ้านอีกด้วย  จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ไม่ว่าจะอยู่เอง หรือจะปล่อยเช่า ก็คุ้มค่า เพราะด้วยทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้แหล่งงานขนาดใหญ่ และยังเป็นอีกย่านที่ชาวต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น  และทางแจลุกซ์ยังสามารถช่วยดูแลเรื่องการปล่อยเช่าให้กับลูกบ้านด้วย พร้อมบริการเสริมต่างๆ ที่ตอบโจทย์ผู้เช่าชาวญี่ปุ่น และยังช่วยลดปัญหาจุกจิกระหว่างผู้เช่า และเจ้าของด้วยบริการพิเศษจากแจลุกซ์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*