นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเผยตลาดแนวราบกทม.ตจว.ยังโตต่อเนื่อง แต่ปรับขนาดโครงการเล็กลงเหลือ 100-200 ยูนิต หวังปิดการขายเร็ว ระบุราคา 3  ล้านบาทลงไปยังมีความเสี่ยง แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ส่วนแนวสูงยังชะลอตัว จับตารายใหญ่เข้าเทกโอเวอร์กิจการรายกลางเสริมความแกร่ง
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 2564 ยังไปได้ดี สังเกตได้จากในช่วงไตรมาส 3/2563 ที่ผ่านมา บางบริษัทมีผลกำไรที่ดี ส่วนบางบริษัทฯที่รุกผุดโครงการ โดยเฉพาะโครงการแนวสูงมากเกินไป ส่งผลให้บาดเจ็บหนัก เพราะมีสต๊อกคงค้างเป็นจำนวนมาก ต้องเร่งระบาย ส่วนผู้ประกอบการที่มีการพัฒนาโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่ตลาดอสังหาฯในภูมิภาคยอดขายยังไปได้ดี ผู้ประกอบการรายใหญ่จากกทม.เริ่มกลับไปรุกโครงการแนวราบในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น  ส่วนตลาดแนวสูงในต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวยังชะลอตัว

 

ปัจจัยลบที่ยังมีความกังวลคือ โควิด-19 ที่หวั่นว่าจะมีการล็อกดาวน์รอบที่ 2 แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว แต่ก็ต้องจับตาดูว่าในปี 2564 นี้จะมีบริษัทรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เข้าเทกโอเวอร์บริษัทรายกลางที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอให้เห็น”

 

ส่วนธุรกิจโรงแรม บางรายก็หาทางออกด้วยการนำขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หากครบอายุก็สามารถกลับไปไถ่ถอนคืนได้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบวกในเรื่องรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่ขยายออกไปนอกเมือง ก็มีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายการลงทุนไปตามระบบขนส่งมวลชน ซึ่งยังมีดีมานด์รองรับอีกมาก โดยเฉพาะโครงการแนวราบจะมีการเปิดตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการจะเน้นโครงการขนาดเล็ก ประมาณ 100-200 ยูนิต/โครงการ เพื่อที่สามารถปิดการขายได้เร็ว  ซึ่งระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังได้รับการตอบรับดี สถาบันการเงินพิจารณาการปล่อยสินเชื่อได้ง่ายกว่า ขณะที่ระดับราคา 3 ล้านบาทลงมา จะมีปัญหาในเรื่องการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวด้วยการระมัดระวังในเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของผู้รับเหมาก่อสร้างให้ดี โดยต้องก่อสร้างโครงการให้ทันการโอนกรรมสิทธิ์ในระยะเวลาที่กำหนด อีกทั้งในการพัฒนาโครงการต้องมองตลาดให้ออก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมไปถึงการลดต้นทุนต่างๆภายในองค์กร และนำแพลตฟอร์มต่างๆมาใช้ เพื่อบริหารต้นทุนให้ได้มากขึ้น

“ภาพรวมตลาดในปีนี้ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะเริ่มเข้ามาผู้ประกอบการแต่ละรายรู้ตัวดีว่าจะต้องปรับตัวอย่างไร โดยตลาดแนวราบ จะมีการเปลี่ยนโซน จากที่ต้องใกล้แนวรถไฟฟ้า จะกระจายไปอยู่พื้นที่รอบวงแหวนและปริมณฑลที่ติดถนน ที่มีการคมนาคมสะดวกมากขึ้น ส่วนกำลังซื้อระดับล่างยังไม่กลับมาในช่วงนี้อย่างแน่นอน” นายพรนริศ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*