นายกสมาคมอาคารชุดไทยคาดภาพรวมเศรษฐกิจอสังหาฯปี64 แนวโน้มฟื้นตัว  บรรยากาศซื้อขายคอนโดฯคืนตลาด ครึ่งปีหลังผู้ประกอบการในกทม.รุกผุดโครงการใหม่ ส่วนหัวเมืองท่องเที่ยวยังชะลอตัว เชื่อนักท่องเที่ยวกลับมาอาจระบายสต๊อกได้เร็ว รับกลุ่มระดับล่างดีมานด์มากแต่หนี้ครัวเรือนสูง แต่ราคากว่า 2-3 ล้านบาทขึ้นไป โอนกรรมสิทธิ์ได้จริง  ระบุทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้ายังตอบโจทย์
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2563 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นจุดที่ต่ำสุดแล้ว คาดว่าในปี 2564 ภาพรวมตลาดอสังหาฯจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้ามาในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจและบรรยากาศการซื้อขายคอนโดฯให้กับชาวต่างชาติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง  โดยมีปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก ทำให้ผู้ซื้อประหยัดลงไปได้มาก และยังเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุน หรือผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง

โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2564  ผู้ประกอบการอาจจะเน้นระบายสต๊อกเดิมก่อน แต่หลังจากกลางปีเป็นต้นไปจะเริ่มมีการเปิดตัวคอนโดฯใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯมากขึ้น ส่วนตลาดคอนโดฯในหัวเมืองท่องเที่ยวยังชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะพัทยา และภูเก็ต ที่เกิดโอเวอร์ซัพพลายทั้งหมด ยังต้องใช้ระยะเวลาในการระบายสต๊อกอีกมาก ดังนั้นการเปิดตัวโครงการใหม่จึงยังไม่ใช่ในช่วงเวลานี้ แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวกลับมาได้เร็ว ก็จะสามารถระบายสต๊อกได้เร็ว

ซึ่งโครงการระดับกลาง-ล่าง ภาครัฐยังมีมาตรการช่วยเหลือ แต่กลุ่มลูกค้าระดับล่างยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูง อย่างไรก็ตามแม้ว่าระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป จะยังมีดีมานด์ที่มากและขายได้ดี แต่ก็มียอด Reject ค่อนข้างมาก แต่ระดับราคากว่า 2-3 ล้านบาทขึ้นไป จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้จริง  ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มที่ขายดีกับกลุ่มที่โอนได้จริง จะเป็นคนละกลุ่มกัน

“ผู้ประกอบการต้องปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าออกมารองรับดีมานด์ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น แต่กลุ่มแรกแม้จะขายได้ดี แต่ก็มียอด Reject ที่สูง และไม่หมดในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็หวังว่าสภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่การก่อสร้างโครงการที่ขายไปแล้วเสร็จภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า” ดร.อาภา กล่าว

สำหรับทำเลที่ยังสามารถขายได้ดีและเติบโตต่อไปได้ คือโครงการที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งต้องชื่นชมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สร้างระบบขนส่งมวลชนได้มาก ทำให้สามารถขยายความเจริญตามไปด้วย แต่หากทำเลไหนที่มีการแข่งขันสูง ก็ต้องหลีกเลี่ยงไปทำเลอื่นที่ซัพพลายยังมีน้อยแต่ดีมานด์มาก

 

“หลังจากที่มาตรการการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และค่าธรรมเนียมจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือเพียง 0.01% จากเดิม 1%  สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน ล้านบาทต่อยูนิต ของภาครัฐที่หมดไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็อยากให้ภาครัฐช่วยขยายมาตรการดังกล่าวออกไปอีกระยะหนึ่ง ในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยให้บรรยากาศการซื้อขายอสังหาฯดีขึ้น

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*