กรมธนารักษ์รับลูกกระทรวงการคลังเลื่อนประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศรอบใหม่ออกไปอีก 1 ปี ทั้งเดินหน้าจัดเก็บค่าพื้นที่เช่าหน่วยงานภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ  พร้อมนำที่ดินถูกยึด-เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ-สนามกอล์ฟ-ท่าเรือ-ที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศออกประมูล หวังเก็บรายได้เข้ารัฐตามเป้าปีงบประมาณ 64 มูลค่า 10,000 ล้านบาท
นายยุทธนา หยิมการุณ
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ และผู้บริหารกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงการคลังได้ลงนามเลื่อนประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศรอบใหม่ออกไปอีก 1 ปี โดยในปี 2564 ให้ใช้ราคาประเมินเดิมในปี 2559-2563 ไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบ และไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน ซึ่งคาดว่าจะมีการประเมินราคาที่ดินใหม่ อีกครั้งในช่วงกลางปีหรือปลายปี 2564 นี้ และหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ก็สามารถประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ได้ในต้นปี 2565 ทั้งนี้จากการประเมินราคาที่ดินเดิม คาดว่าราคาที่ดินรอบใหม่ทั่วประเทศจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 7-8% แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ต้องขอกลับมาเก็บข้อมูลปี 2564 ทบทวนอีกครั้ง โดยอิงจากราคาตลาดใหม่ เพราะยอมรับว่าสภาพแวดล้อมในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ราคาตลาดไม่ได้ขยับมาก ทำให้ราคาประเมินที่เดิมคาดไว้ว่าจะเพิ่ม 7-8% อาจจะต้องปรับลดลงเล็กน้อย หรือ ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับในปีงบประมาณ 2564 ได้ตั้งเป้าหมายเก็บรายได้เข้ารัฐประมาณ 10,000 ล้านบาท ตามนโยบายของรัฐบาล โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และนายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานเพื่อเก็บรายได้เข้าประเทศตามเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ก็จะเร่งผลักดัน               ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม พร้อมที่จะเจรจาเมื่อเกิดปัญหาติดขัดใดๆ การบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และแก้ไขปัญหา  การบุกรุกในที่ดินราชพัสดุ รวมทั้งการบริหารจัดการงานในภารกิจที่จะสามารถสร้างประโยชน์ในเชิงสังคมด้วย

โดยในปีงบประมาณ ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม                  เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกินโดยดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุด้วยการรับรองสิทธิด้วยการจัดให้เช่า             ที่ราชพัสดุภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้ด้วย ตลอดจนเปิดตลาดชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัดไปในคราวเดียวกันผ่านโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ

สำหรับปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์เร่งรัดดำเนินงานเพื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ และเน้นการบริการจัดการในเชิงสังคมให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ ดังนี้

1.ดำเนินการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุประมาณ 30,000 ราย ที่กรมธนารักษ์ดำเนินการจัดให้เช่าแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 มีประมาณเกือบ 10,000 ราย พร้อมแจกสัญญาเช่า ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครราชสีมา และเชียงใหม่             เป็นต้น ซึ่งเมื่อรัฐรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการ โดยสร้างประโยชน์ในที่ดินนั้นให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย ทำการเกษตรกรรม หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย

2.ดำเนินการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับ      หน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของราชการ รวมทั้งประชาชนและเอกชนที่นำที่ราชพัสดุซึ่งได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแล้วนำไปประกอบกิจการการค้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะทำให้จัดเก็บค่าเช่าเข้ากรมธนารักษ์ได้มากขึ้น

2.1.เร่งรัดการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ใช้ประโยชน์อยู่ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 ซึ่งกรมธนารักษ์จะพิจารณาว่ามีสัญญาเช่ากับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งมีการเก็บค่าเช่าเท่าไร และการใช้ประโยชน์แบบใด    เพื่อนำมาประกอบการเก็บค่าเช่าให้เหมาะสม โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)เป็นหน่วยงานที่นำพื้นที่ราชพัสดุไปใช้มากที่สุด อนึ่ง กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการร่วมกับรัฐวิสาหกิจในการจัดทำรังวัดพื้นที่แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยจะเริ่มทำสัญญาเก็บค่าเช่าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้การจัดเก็บจะดำเนินการในทั้งรูปแบบจัดเก็บแบบเต็มอัตราและแบบขั้นบันได ภายใน 3-5 ปี เพื่อให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจปรับตัว โดยจะเริ่มทำสัญญาเก็บค่าเช่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2564

2.2.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชน ประชาชนเข้ามาประมูลในระบบออนไลน์โดยร่วมกับ บริษัท กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564

2.3.ดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร เป็นต้น

2.4.การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่บนพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ ซึ่งจะมีการประมูลทั้งโครงการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้ ซึ่งจะเป็นสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี

               2.5.การเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา

               2.6.การเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาหารายได้เข้ารัฐ ซึ่งบางพื้นที่เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท สีลม หรือในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชียงราย เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เป็นต้น และมุ่งเน้นการติดตามค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศไม่ให้คงค้าง เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเข้ารัฐให้เพิ่มขึ้นด้วย

นายยุทธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากที่กรมธนารักษ์มีนโยบายตั้งเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐแล้วยังมีนโยบายในเชิงสังคมเพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสังคมโดยรวมมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเน้นสังคมผู้สูงอายุ ดังนี้

-การดำเนินการโครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ กรมธนารักษ์ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งโครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรวมทั้งให้ผู้สูงอายุ     มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะดำเนินการจับสลากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับสิทธิและบัญชีรายชื่อสำรอง ในวันที่ 15 มกราคม 2564   ณ กรมธนารักษ์ และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565

นอกจากนี้ยังเตรียมโอนที่ดินราชพัสดุย่านบางละมุง จ.ชลบุรี พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ให้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภายในเดือนมกราคม 2564 นี้ เพื่อพัฒนาในรูปแบบของ “ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์” ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้สูงวัย ที่มีการปรับเกณฑ์เรื่องอายุใหม่ที่อาจจะลดลงมาเริ่มที่ 50 ปี สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าวได้ ส่วนรายละเอียดโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ คงต้องรอสรุปผลการประชุมกับพม.อีกครั้งหนึ่งก่อน

-กรมธนารักษ์เตรียมขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของข้าราชการพลเรือนทุกประเภทบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ยูนิต สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ แปลงพระโขนง และแปลงยานนาวา สำหรับในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครนายก อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี นครราชสีมา และจันทบุรี ซึ่งกล่าว           ได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับบุคลากรดังกล่าวด้วย

-ดำเนินการสำรวจบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 95 แห่งทั่วประเทศ มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์ ตลอดจนเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ และยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์จะดำเนินการเปิดประมูล   บ้านขุนพิทักษ์บริหาร หรือบ้านเขียว อยุธยา ,บ้านวังค้างคาว ย่านคลองสาน และบ้านพายัพ ซอยสามเสน 5 กรุงเทพมหานคร

โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 เบาบางลงแล้ว กรมธนารักษ์จะสานต่อโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจ              ฐานรากในชุมชนต่างๆ แข็งแกร่งมากขึ้น โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการจัดหาที่ราชพัสดุให้กับรัฐวิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้านในชุมชนเช่าเพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน

-เร่งการเปิดพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ ขอนแก่น เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และการท่องเที่ยว (Land Mark) โดยจะเปิดให้เข้าชมได้ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นการเผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของรัฐสู่ประชาชนและผู้สนใจ

-การประเมินพื้นที่นอกเขตราชอาณาจักร ประมาณ 150 แปลง  ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศ (กต.) เพื่อจัดตั้งหน่วยงานย่อยเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว โดยเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 ได้ขายที่ดินที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงประเทศเบลเยี่ยม ไปแล้ว 1 แปลง มูลค่า 80 ล้านบาท ซึ่งได้โอนเงินเข้ากระทรวงการคลังไปแล้วเรียบร้อย

“ด้วยภารกิจของกรมธนารักษ์ มีเป้าประสงค์ที่จะดูแล บริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยในปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.6 ล้านไร่ ซึ่งอยู่ในการครอบครองดูแลของหน่วยงานราชการต่างๆ และกรมธนารักษ์บริหารจัดการเพียง 4% โดยจะนำที่ราชพัสดุมาบริหารจัดการเองเพิ่มขึ้นเป็น 10% ทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นและจะเป็นผลดีที่ทำให้กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้สูงขึ้นอีกด้วย” นายยุทธนา กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*