เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป มีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในวงการธุรกิจที่จะทำให้เกิดกระแส “ความบูม” ในหมู่นักธุรกิจที่พูดคุยกันมานานแล้วทั้งแวดวง อสังหาริมทรัพย์ อาหาร เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์ เครื่องดื่ม สปา รวมไปถึงวงการที่จะได้รับผลกระทบทางบวกอย่างมากคือการแพทย์ จนราคาหุ้นในตลาดของหุ้นบางตัวมีบวกรอไปล่วงหน้าแล้ว

ผมกำลังพูดถึง “กัญชง” ที่คนสนใจเพราะมีขุมสมบัติคือสาร CBD ที่สามารถนำมาเป็นส่วนผสมทั้งในยา อาหาร เครื่องสำอาง และอื่นๆ ได้เยอะมาก รวมไปถึงส่วนต่างๆ ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หมดทั้งราก ลำต้น กิ่ง ก้าน ใบ ดอก เนื้อเยื่อ เรียกว่านำไปใช้ประโยชน์ได้หมดจดตลอดตัวไม่เหลือซากทิ้งเลยด้วยซ้ำ

ภาครัฐเราเพิ่งไฟเขียวกฎกระทรวงฯ กัญชงฉบับใหม่ ปลดล็อก “กัญชง” ให้ทั้งเกษตรกร ภาครัฐและเอกชน ประชาชนและบุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขออนุญาตและนำกัญชงไปใช้ในทุกวัตถุประสงค์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 29 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวง

ในที่นี้เรากำลังพูดถึง “กัญชง” หรือ “Hemp” ที่ไม่ใช่ “กัญชา” หรือ “Marijuana” นะ ซึ่งจริงๆ มันเหมือนเป็นพี่น้องกันเพราะอยู่ในตระกูล Cannabis เหมือนกัน ด้วยความคล้ายทั้งทางกายภาพและคุณสมบัติ เพราะทั้งกัญชาและกัญชงมีสาร CBD ที่คนอยากได้เหมือนกัน เพียงแต่ “กัญชา” ยังมีสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทชื่อ THC ซึ่งยังคงถือเป็นสารเสพติดประเภท 5 ในบ้านเราเกินกำหนดไป จึงยังไม่สามารถนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ในแบบ “กัญชง” ทำได้ แต่ในเชิงพาณิชย์ผมว่ามีโอกาสดีดีอีกมากที่คนไทยอาจจะได้สาร CBD ที่มี “คุณภาพสูง” และ “ปริมาณสูง” โดยที่ “ถูกกฎหมาย” จากการวิจัย “กัญชา” ด้วย

ผมเพิ่งมีโอกาสพิเศษได้ไปชมงานใน “โครงการศึกษาวิจัยสายพันธุ์กัญชาเพื่อพัฒนาสายพันธุ์กัญชงที่ให้ CBD สูง”  พูดง่ายๆ คือ วิจัยหาแม่พันธุ์กัญชาที่จะให้ CBD สูงแต่ THC ต่ำจนถูกกฏหมายเหมือน “กัญชง” ที่ทางบริษัทโกลเด้น ไทรแองเกิล กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ GTG ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (CRRU) มาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ตอนนี้จึงน่าจะถือว่าประเทศไทยมีการวิจัยแบบนี้ที่น่าสนใจมากเกินหน้าประเทศเพื่อนบ้านเราไปเยอะ เพราะตอนนี้ที่นี่สามารถสร้างแม่พันธุ์กัญชาที่ให้สาร CBD เฉลี่ยถึง 15.8% และสูงสุดที่ 18% ซึ่งสูงอันดับต้นๆ ของโลก (โดยเฉลี่ยทั่วไปในต่างประเทศอยู่ที่ 10-13% เท่านั้นเอง) และแน่นอนว่านี่จะเป็นธุรกิจที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดสูงมาก

ลองคิดดูว่าหากใช้คุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับสบายของสาร CBD มาเป็นส่วนผสมเป็นเครื่องดื่มขายในตลาด ผู้บริโภคจะสนใจขนาดไหน ตลาดจะโตอีกเท่าไร หรือการนำส่วนต่างๆ เช่น ใบ ไปปรุงอาหารเป็นเมนูใหม่ของร้านอาหารก็น่าสนใจไม่น้อย การนำ CBD ไปผสมในเครื่องสำอาง โดยเฉพาะด้านผิวพรรณความสวยความงามก็มีคุณสมบัติทำให้ผิวสวย แก้แพ้ แก้คันได้อย่างดีแน่นอนว่า เราจะได้เห็นครีม เซรั่ม โลชั่นต่างๆ ผสม CBD ออกมาขายกันมากมายในอีกไม่นานนี้ โดยเฉพาะธุรกิจยายิ่งโตมาก เพราะสามารถใช้ในยารักษามะเร็ง แก้ลมชัก แก้โรคอะไรอีกมากมายที่ทางการแพทย์พิสูจน์แล้ว ส่วนใบยังสามารถนำมาทำจุดขายให้สปาแพงๆ ในการพอกตัวเพื่อความงามได้อีก

กัญชงและ CBD จึงเป็นเทรนด์ธุรกิจใหม่ที่กำลังเป็น Talk of The Town ของกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังหาลู่ทางไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ให้ตกรถไฟขบวนนี้กัน แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่มาของคอลัมน์นี้เกี่ยวข้องกันมั้ย ?
แน่นอนว่าต้องเกี่ยว ผมถึงจั่วหัวตั้งแต่ต้นว่าธุรกิจนี้จะเกี่ยวข้องด้วย เพราะ การปลูกกัญชง ต้องใช้พื้นที่ในการปลูก และสามารถปลูกได้ทั้งแบบ INDOOR ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง สารอาหารและทุกอย่างได้ดี ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูงกว่าแต่ก็ได้ผลผลิตมากกว่าด้วย กับการปลูกแบบ OUTDOOR ที่จะมีต้นทุนต่ำกว่าแต่ก็ควบคุมปัจจัยภายนอกได้ยากกว่าและได้ผลผลิตน้อยกว่าด้วย

จากที่ผมไปดูงานมา ผมกำลังมองเห็นว่ามีโอกาสในการใช้ประโยชน์จากที่ดิน นอกเหนือจากสร้างบ้านขาย สร้างคอนโดขาย กันอย่างเดียว เพราะหากมองการลงทุนและการคืนทุนรวมทั้งผลกำไรแล้ว ตัวเลขที่ได้จากการไปดูงานมา  การทำฟาร์มปลูกกัญชงดูน่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่ต้องลงทุนลงแรงอย่างจริงจัง เพราะการดูแลกัญชงที่มีมูลค่าสูง และมีข้อกำหนดทางกฏหมายค่อนข้างเข้มงวด การลงทุนทำแบบเล่นๆ เป็นงานอดิเรก คงไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ อย่างตอนนี้ผมเริ่มเห็นว่ามีเจ้าของโกดังเก่า โรงงานร้าง ที่ไม่ได้ดำเนินกิจการต่อแล้ว ก็เริ่มมาศึกษานำอสังหาริมทรัพย์เก่าเหล่านี้มาดัดแปลงเป็นฟาร์มปลูกกัญชงกันแล้ว แต่ด้วยปัจจัยของ “ต้นทุน” ที่คนลงทุนคงต้องมีพอสมควร ผู้เล่นที่จะลงมาเล่นก็ต้องมีเงินในกระเป๋าพอสมควร กับการดูแลรักษาตลอดระยะทางจนทำเงินได้ เพราะหนึ่งรอบของการเก็บเกี่ยวประมาณ 4 เดือนต่อรอบ ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา แต่ด้วยประโยชน์ของ CBD และความยั่วยวนของผลตอบแทนแล้ว

ผมเชื่อว่าภายในไม่เกิน 2 ปีนี้ เราจะได้เห็น การนำที่ดิน โรงงานเก่า โกดังเก่า ตึกแถวร้าง หรืออาจจะก้าวข้ามไปถึง การสร้างคอนโดโลว์ไรส์เพื่อปลูกกัญชงโดยเฉพาะเลย พวกเราก็น่าจะได้เห็นกัน รอฝุ่นหายตลบจากขั้นตอนยื่นขออนุญาตของภาครัฐให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน เราจะได้เห็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดของวงการธุรกิจแน่นอน

 

ขอบคุณ คอลัมน์จับชีพจรอสังหาฯ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับกุมภาพันธ์  2564

=========================================

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากชมฟาร์มกัญชง ที่ผลิต CBD ได้ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย
สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรายละเอียดได้ที่ : https://bit.ly/3aV3kak

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*