เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เผยแผนปี 64 จ่อผุด 7 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท เจาะตลาด 3-5 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ พร้อมดึงนวัตกรรมใหม่ตอบโจทย์ลูกค้า เดินหน้ารุกธุรกิจWellness & Healthcare Business ภายใต้แบรนด์ “ศิริอรุณแคร์”ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 3,500 ล้านบาท และรายได้ 2,000 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ในปี 2564 ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจมาก เพราะทุกภาคอุตสาหกรรมทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด ในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศไทยเองก็มีการปรับตัวเป็นอย่างมาก สำหรับบริษัทฯเองที่ผ่านมาก็ได้รับผลกระทบในเชิงบวก แต่ก็มีการปรับแผนการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งมองว่าในปีนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อบ้านแนวราบ และยังเป็นตลาดของผู้ซื้อที่มีความพร้อมเรื่องบ้าน ด้วยปัจจัยบวกทั้งอัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านที่ลดลงและมาตรการรัฐที่มอบให้กับกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยที่ผ่านบริษัทฯได้มีการเรียนรู้จากวิกฤติโควิด-19 มีมาตรการป้องกันรองรับอย่างฉับไวทุกส่วนงาน สร้างความเชื่อมั่นทุกโครงการ ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาฯ คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดระดับราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท ที่บริษัทมีการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการออกมาดูแลลูกค้า ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยผนวกนวัตกรรม Smart Eco, Smart Care เพื่อเดินหน้าทำตลาดแนวราบปีนี้

“เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยความต้องการจริงยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตในบางเซกเมนต์ ทั้งนี้หวังว่าหากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามา มีการเปิดเที่ยวบินต่างประเทศ การปรับตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการส่งออก ก็จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น” นายสมนึก กล่าว

นายสมนึก กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 นี้ ว่า เตรียมพัฒนาโครงการแนวราบใหม่เพิ่ม กระจายบนทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็น Prime Area เหมาะกับการอยู่อาศัย ภายใต้กลยุทธ์ 3 หลักดังนี้

1.เปิดตลาดเชิงรุก พัฒนาแนวราบใหม่เพิ่ม 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท(ลบ.) เจาะ Segment กลุ่มทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ด้วยราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ (โซนเหนือ ,โซนใต้ โซนตะวันออก และโซนตะวันตก ของกรุงเทพฯ) ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมด โดยเป็นการเพิ่มสัดส่วนทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2-3 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากเดิม มากกว่า 50% โดยในครึ่งปีแรกจะเปิดตัวก่อน 4 โครงการ และในครึ่งปีหลังจะเปิดตัว 3 โครงการ

รวมไปถึงเพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย ให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ด้าน Segment ของบริษัทด้วยมีอัตราการเติบโตที่ดี และสอดคล้องกับลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการบ้านในยุคโควิค-19 และยังคงเดินหน้าพัฒนากลุ่มฐานการผลิตใหญ่ภายใต้ Brand โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอร์รี่ และบ้านฟ้ากรีนพาร์ค เป็นเรือธงเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม อีกทั้งยังรุกขยายหาฐานลูกค้าใหม่ ตลาดใหม่เพื่อเพิ่ม Market Share ของบริษัท ควบคู่การพัฒนาคุณภาพการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีก่อสร้างทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น มอบทางเลือกการมีบ้านให้ง่ายขึ้น เข้าถึงทุกครอบครัวที่อยากมีบ้านด้วยช่องทางการสื่อสารออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัลการชมบ้าน360องศา และFacebook Live เรียลไทม์ พร้อมมอบความคุ้มค่าด้วยความใส่ใจ ยังคงเดินตามจุดยืนหลัก เอ็น.ซี รู้จักบ้าน รู้ใจคุณ

2.พัฒนาโปรดักส์ นวัตกรรมบ้านตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าทุกช่วงวัย a///gen ควบคู่การพัฒนาต่อยอดสินค้าด้วยนวัตกรรมผ่าน Smart Eco, Smart Care เพิ่มความแตกต่าง Function ที่ตอบรับครอบครัววิถีใหม่ เพิ่มทางเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต Life Style หลากหลาย การอยู่บ้านอย่างมีความสุข ผสานเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตในบ้านสะดวกสบายมากขึ้น การดูแลสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวยุค New Normal

3.ผนึกพันธมิตร ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯไม่หยุดการพัฒนาที่อยู่อาศัย สินค้า การบริการรูปแบบใหม่ รวมถึงมีการต่อยอดพันธมิตร ในธุรกิจหลัก อาทิ Home Innovation, เทคโนโลยีบ้าน,พันธมิตรการเงิน,พันธมิตรธุรกิจการบริการ, อสังหาริมทรัพย์ New Business ซึ่งเอ็น.ซี ได้ร่วมทุนผนึกพันธมิตรในธุรกิจใหม่ ศูนย์บริการด้านการฟื้นฟูสุขภาพ และดูแลผู้สูงอายุ มีการบริการเพื่อรองรับเรื่องสุขภาพ ครบวงจร Wellness & Healthcare Business เพื่อเป็นฐานรายได้ธุรกิจในอนาคต ด้วยมาตรฐานทันสมัย ปัจจุบันมีการให้บริการแล้ว 3 ศูนย์ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด Vacation Time

สำหรับธุรกิจ Wellness & Healthcare Business ภายใต้แบรนด์ ศิริอรุณแคร์ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ประกอบด้วย ในจังหวัดอุบลราชธานี 1 สาขา และใกล้โรงพยาบาลศิริราช 2 สาขา ซึ่งลูกค้าให้บริการตอบรับอย่างต่อเนื่อง แต่การบริการจะเป็นในรูปแบบ New Normal และมีความเข้มงวดในการเข้าเยี่ยมชมศูนย์ฯมากขึ้น และเชื่อว่าในปีนี้ธุรกิจดังกล่าวจะมีทิศทางที่ดีขึ้น

อ่านเพิ่มเติม>>NCH ผนึกพันธมิตรรุกธุรกิจใหม่ “ศิริอรุณแคร์” จ่อเปิดสาขา3 ม.ค.’64 นี้

นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาแนวทางการพัฒนาที่ดินในจ.เชียงใหม่ที่อยู่ใกล้กับคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาติดถนนไฮเวย์ ซึ่งมองว่ามีโอกาสพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสในอนาคตได้ ซึ่งบริษัทฯยังรอสถานการณ์ของทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไห้ฟื้นขึ้นอย่างชัดเจนก่อนถึงจะเริ่มวางแผนการพัฒนาต่อไป

อย่างไรก็ตามในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท จากปี 2563 ที่ทำได้ 3,400-3,500 ล้านบาท (สูงกว่าเป้าปี 2563 ที่ตั้งไว้ 2,700 ล้านบาทประมาณ 30%)และรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ทำได้ประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ทั้งหมด 500-600 ล้านบาท ที่มีอยู่ในปัจจุบันเข้ามาทั้งหมด และยังมีการทยอยการขายโครงการพร้อมอยู่ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*