เสนาฯไม่หวั่นโควิด-19 รอบ3 แนะรัฐหากประกาศล็อกดาวน์จะนำพาเศรษฐกิจล่ม เตรียมนำมาตรการ“Sena Zero Covid”มาใช้อีกรอบ หวั่นยอดรีเจคสูงเกิน 50% น่าห่วง เดินหน้าผุด 17 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท ตามแผน ล่าสุดเปิดตัวโปรเจกต์แนวราบร่วมทุนกลุ่มฮันคิวฯครั้งแรก มูลค่า 900 ล้านบาท มั่นใจยอดขายปี64 ตามเป้า 11,000 ล้านบาท  
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชนหรือ SENA เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ว่า ต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร แต่การจะกลับไปใช้มาตรการแบบการล็อกดาวน์แบบครั้งแรกจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งหากมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น จะส่งผลให้ฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก ส่วนการดำเนินงานของเสนาฯ ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้  และเตรียมความพร้อมในการรับมือ ดูแลความปลอดภัยทั้งพนักงาน ผู้รับเหมาก่อสร้าง และลูกบ้านของบริษัทเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาตามมาตรการ “Sena Zero Covid” ทำให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ความมั่นใจในการปลอดภัยในการใช้ชีวิต แต่มองว่าการแพร่ระบาดในปี 2564 ที่เกิดขึ้น มองว่าคนในประเทศได้รับรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดไปมากแล้ว และรับรู้ถึงแนวทางในการป้องกัน ทำให้ไม่มีความกังวลมาก และเป็นผลกระทบระยะสั้น ส่งผลให้ผลกระทบต่อการซื้อที่อยู่อาศัยจะไม่ส่งผลกระทบมาก แต่ยังคงต้องติดตามสถานกานณ์แพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงที่สุดไม่ใช่เรื่องยอดขาย แต่เป็นเรื่องอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯบางรายพบว่ามียอดการถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงกว่า 50% ถือเป็นระดับที่สูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทมองว่าเป็นความเสี่ยงในเรื่องการโอนโครงการของบริษัท แต่เป็นปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เพราะส่วนหนึ่งมาจากการพิจารณาของธนาคารพาณิชย์ ที่ยังมีความกังวลในเรื่องเศรษกิจและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ทำให้ยังคงต้องมีการควบคุมและเข้มงวดการให้สินเชื่อ

โดยแผนการพัฒนาโครงการในปีนี้ยังเดินหน้าตามแผน 17 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในระดับราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย โดยเน้นไปที่โครงการแนวราบระดับกลาง ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและไม่ค่อยมีความอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนมาก ซึ่งปัจจุบันเปิดตัวแล้ว 2 โครงการ โดยเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป 1 โครงการ ล่าสุด แตกไลน์โปรดักส์มาพัฒนาโครงการแนวราบร่วมกัน ถือเป็นโปรเจกต์แรก ภายใต้แบรนด์ “เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 39 ไร่เศษ  เป็นทาวน์โฮมแนวคิใหม่ สูง 2 ชั้น  จำนวน 298 หลัง มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ แบบบ้าน THEE และแบบบ้าน THEE Plus ขนาดที่ดินเริ่ม 20 – 41 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่ม 127 – 140 ตารางเมตร  ราคาเริ่ม 2.99 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มทดลองเปิดขายแล้ว และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ โดยกำหนดก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 และ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2567

ครงการดังกล่าวได้นำแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Geo fit+” มาปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ

1.Geo fit+ Day เน้นว่าจะพัฒนาโปรดักท์อย่างไรให้เข้ากับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

2.Geo fit+ Eco การแสวงหาแนวทางประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงหรือน้ำ  

3.Geo fit+ Stage การออกแบบบนแนวคิดเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย

4.Geo fit+ Sonae ใส่ใจทุกดีเทลในการใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัย

“แผนการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจ ฮันคิว ฮันชิน  พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ปีนี้ถือเป็นการเข้าสู่ปีที่ 5 ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพัฒนาโครงการแนวสูง ร่วมกันแล้ว 14 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าระหว่างเสนา ฯและ ฮันคิว ฮัน ชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์คอร์ป ณ วันนี้เป็นมากกว่าพันธมิตรร่วมทุนทางธุรกิจ ซึ่งในปี 2564 เสนา วางแผนธุรกิจตามนโยบาย SENA Stong และยังคงแนวทางการทำงานกับทาง ฮันคิว ฮันชิน เหมือนเดิมคือการคิดถึงลูกค้าเป็นหลัก และสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีให้กับผู้บริโภค”ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงมั่นใจยอดขายในปี 2564 ยังทำได้ตามเป้าหมาย 11,000 ล้านบาท  ปัจจุบันมี Backlog รวม 9,000 ล้านบาท และรับรู้ในปีนี้ 5,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปีหน้า

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*