เทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ เพียงแค่มีแล็ปท็อป และอินเทอร์เน็ต  และในยุคโควิด-19 เช่นนี้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต แบบ New Normal  ที่ต้องเว้นระยะห่าง เลี่ยงการพบปะกัน  ทำให้ในหลายองค์กรได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เป็นแบบ Work From Home ทำให้ต้องอยู่บ้านกันมากขึ้น  ทำให้บ้านเป็นที่ๆ เราทำกิจกรรมกันตั้งแต่เช้าจนถึงเข้านอน รองรับทุกกิจกรรม  การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในบ้านจะช่วยให้เรา Work From Home และสามารถบาลานซ์การใช้ชีวิต และการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดมิเนียมเราควรจะทำอย่างไร ?

บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence ได้แนะนำการตกแต่งห้องพักอาศัยที่มีขนาดจำกัด และการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับขนาดห้องจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแปลงโฉมห้องพักให้มีสัดส่วนพื้นที่และบรรยากาศเอื้อต่อการทำงานยิ่งขึ้น  และได้เผยถึงเทคนิคการตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับวิถีชีวิต Work From Home  โดยเฉพาะห้องพักในคอนโดมิเนียมที่ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดประมาณ 29 ตร.ม. ให้รองรับทั้งชีวิตการทำงาน และพักผ่อนได้อย่างลงตัว

5 เทคนิคเปลี่ยนห้อง 29 ตร.ม. ให้ดูกว้าง


นอกจากช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายและรู้สึกสบายตาแล้ว การเลือกใช้วอลเปเปอร์สีโทนธรรมชาติ หรือ Earth Tone โดยเฉพาะสีเบจ (Beige) และสีเบจอมเทา (Greige) จะช่วยให้ห้องแลดูมีพื้นที่กว้างขวาง และสว่างมีชีวิตชีวาโดยไม่สะท้อนแสงไฟจนรบกวนสายตาเกินไป เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้สมาธิและความสร้างสรรค์  ขณะเดียวกัน สีโทนนี้ยังเข้ากันได้กับอีกหลายโทนจึงง่ายต่อการตกแต่ง ช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นภายในห้องพักดูโดดเด่น และยังสะดวกต่อการหามุมสำหรับ Video Conference

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ให้ชิดผนังหรือเข้ามุม แล้วเปิดพื้นที่กลางห้องให้โล่ง มีทางเดิน จะช่วยให้ห้องดูโปร่ง เช่น วางโต๊ะทำงานชิดผนังห้อง เพื่อให้มีพื้นที่โล่งด้านหลัง ช่วยลดความรู้สึกอึดอัดขณะนั่งทำงาน และสะดวกต่อการถอยเก้าอี้  ทั้งนี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีทรงเหลี่ยมจะจัดวางได้ง่ายกว่าทรงอื่น รวมถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์แนวสูงอย่างชั้นเก็บของแบบเข้ามุม จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บของได้มากขึ้น

โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับขนาดห้องพัก อย่างตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว หรือชั้นวางแบบติดผนัง แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น เตียง โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะกลางหน้าโซฟา และโซฟา จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวซึ่งใช้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า จึงควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Dual-purpose หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน และเฟอร์นิเจอร์พับเก็บได้ อย่างเตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โซฟาเบด และเก้าอี้ที่สามารถเก็บของได้จะช่วยลดจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในห้องและประหยัดพื้นที่ใช้สอย


แม้พื้นที่ในห้องพักจะไม่เหมาะกับการแบ่งห้อง แต่หากต้องการจัดพื้นที่พักผ่อนในห้องนอนกับพื้นที่ทำงานแยกออกจากกัน ควรใช้ฉากกั้นแบบโปร่งใส ประตูกระจกบานเลื่อน ติดตั้งม่านที่สามารถเลื่อนเก็บได้ หรืออาจจะใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะโปร่ง เช่น ชั้นวางของที่ไม่มีผนังทึบ ซึ่งยังสามารถมองเห็นบริเวณอื่นของห้องได้ ช่วยไม่ให้ห้องดูคับแคบจนเกินไป มอบความรู้สึกโล่งสบายขณะพักอาศัย

การนำกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งบนผนังห้องในมุมทำงานหรือมุมนั่งเล่น และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกเงาตรงประตู และตู้เก็บอุปกรณ์ในห้องน้ำที่เป็นบานกระจก นอกจากจะใช้งานได้แบบ Dual-purpose แล้ว ยังช่วยสะท้อนภาพให้ห้องพักดูกว้างขึ้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*