ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
เปิดเผยว่า ผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2563 พื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) หรือพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวน 979 โครงการ รวม75,362 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 254,832 ล้านบาท ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 3.3% แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 50,701 ยูนิต และคอนโดมิเนียม 24,661 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่เปิดขายใหม่จำนวน 8,586  ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3,720 ยูนิต และบ้านแนวราบ 4,866 ยูนิต สินค้าหลักยังคงเป็นบ้านเดี่ยวที่มีการเปิดตัวใหม่รวม 2,022 ยูนิต

โดยทำยอดขายรวมได้ 10,787 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 7,993 ยูนิต และคอนโดฯจำนวน 2,794 ยูนิตทำให้ ณ สิ้นปี 2563 ที่ผ่านมายังมีหน่วยเหลือขายรวม 64,575 ยูนิต มูลค่า 221,579 ล้านบาท

สต็อกสินค้าเหลือขายเมืองชลบุรีกว่า2หมื่นยูนิต
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ช่วงครึ่งหลังปี 2563 มีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 6,392  ยูนิต สินค้าหลักยังคงเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 3,720 ยูนิต และบ้านจัดสรร 2,672 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทจำนวน 3,400 ยูนิต เป็นคอนโดฯ 1,840 ยูนิต และบ้านแนวราบ 1,560 ยูนิต

สำหรับทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดจะอยู่ที่หาดจอมเทียนจำนน 2,694 ยูนิต,นิคมฯสหพัฒน์-ปิ่นทองจำนวน 807 ยูนิต นิคมฯอมตะนคร-บายพาส 770 ยูนิต และย่านศรีราชา-อัสสัมชัญจำนวน 694 ยูนิต

ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายเพิ่มขึ้นเป็น 49,336  ยูนิต เป็นบ้านแนวราบ 25,801 ยูนิต และคอนโดฯ 23,535 ยูนิต มูลค่าประมาณ  110,898  ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทที่มีจำนวนมากถึง 26,978 ยูนิต

โดย 3 ทำเลที่มีสินค้าอยู่ระหว่างการขายมากที่สุด คือ ย่านหาดจอมเทียนจำนวน 10,189 ยูนิต ย่านพัทยา-เขาพระตำหนักจำนวน 7,266 ยูนิต  ซึ่งทั้งสองทำเลนี้เป็นสินค้าคอนโดฯทั้งหมด และย่านนิคมฯอมตะนคร-บายพาส จำนวน 4,148 ยูนิต เป็นบ้านแนวราบมากถึง 3,495 ยูนิต และคอนโดฯ 653 ยูนิต

แต่ขณะที่สินค้าขายได้ใหม่มีจำนวนแค่ 6,883 ยูนิตเท่านั้น แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 4,352 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด 2,490 ยูนิต โดยระดับราคาสินค้าที่ขายได้มากที่สุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทจำนวน 3,116 ยูนิต

ส่วนคอนโดฯมียอดขายแล้วจำนวน 2,531 ยูนิต แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าราคาไม่เกิน 3ล้านบาทจำนวน 1,209 ยูนิต และราคาตั้งแต่ 3ล้านบาทขึ้นไปถึง10ล้านบาทจำนวน 1,243 ยูนิต

ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนสินค้าคงเหลือรอขายอยู่ในจังหวัดชลบุรีมากถึง 21,004 ยูนิต  คิดมูลค่ารวม99,914  ล้านบาท ประกอบด้วย สินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10,856  ยูนิต และสร้างเสร็จแล้วเหลือขาย 4,680 ยูนิต

โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนสินค้าเหลือขายมากที่สุดจำนวนถึง 11,003 ยูนิต มูลค่า 22,490 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวมีจำนวน 5,358  ยูนิต มูลค่า 25,275 ล้านบาท และบ้านแฝดจำนวน 4,301 ยูนิต มูลค่า 12,976 ล้านบาท

สำหรับทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีปี 2564 ดร.วิชัยประเมินว่า ตลาดรวมยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 โดยคาดว่าจะมีสินค้าเปิดขายใหม่จำนวน 9,348 ยูนิต มูลค่า 36,037 ล้านบาท และมีหน่วยขายได้ใหม่ประมาณ 12,494 ยูนิต มูลค่า 140,348 ล้านบาท ขณะที่สินค้าเหลือขายคาดว่าจะเพิ่มขึนทั้งในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังประมาณ 4.6% และ6.6% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2563 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2564 จะมีสินค้าเหลือขายประมาณ 45,245 ยูนิต มูลค่า 163,559 ล้านบาท

ระยองบ้านแนวราบเหลือขายพุ่ง 1.6 หมื่นยูนิต
ส่วนภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดระยอง จากผลการสำรวจ ณ ครึ่งหลังปี 2563 พบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 1,459 ยูนิตเป็นบ้านแนวราบทั้งหมด แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 758 ยูนิต ลดลง -54.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2563 ขณะที่บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ก็มีการเปิดขายใหม่ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยทาวน์เฮ้าส์มีจำนวน 529 ยูนิต และบ้านแฝด 164 ยูนิต ระดับราคาสินค้าที่เปิดตัวใหม่มากที่สุดจะไม่เกิน 3ล้านบาทมีจำนวน 1,179 ยูนิต และมากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปมีแค่ 280 ยูนิต

โดยทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด จะอยู่ในพื้นที่รอบ 3 นิคมอุตสาหกรรมหลัก คือ นิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น จำนวน 629 ยูนิต นิคมฯมาบตาพุดจำนวน 500 ยูนิต และนิคมฯเหมราชจำนวน 250 ยูนิต

แม้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะลดลง แต่ในส่วนของสินค้าเหลือขายกลับมีจำนวนมากถึง  16,760 ยูนิต โดยเป็นบ้านแนวราบมากที่สุด 16,080 ยูนิต แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 7,889 ยูนิต บ้านเดี่ยว 4,774 ยูนิต บ้านแฝด 2,920 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ 497 ยูนิต ส่วนคอนโดฯมีเหลือขายแค่ 680 ยูนิต

โดยราคาสินค้าที่เหลือมากที่สุดจะอยู่ในกลุ่มราคา 1.5-2ล้านบาท มีจำนวน 4,896 ยูนิต และราคาตั้งแต่ 2.01- 3ล้านบาทจำนวน 5,993 ยูนิต

ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่รอบนิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น ซึ่งมีจำนวนมากถึง 8,111 ยูนิต และนิคมฯมาบตาพุดจำนวน 3,188 ยูนิต  นิคมฯเหมราช จำนวน 2,823 ยูนิต ส่วนย่านบ้านฉาง-อู่ตะเภาก็มีสินค้าเหลือขายอยู่ถึง 1,448 ยูนิต

บ้านจัดสรรเปิดใหม่เมืองแปดริ้วไม่ถึงพันยูนิต
ขณะที่สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดฉะเชิงเทรา ครึ่งหลังปี 2563 มีจำนวนโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 735 ยูนิตเท่านั้นและเป็นบ้านแนวราบทั้งหมด  กระจายอยู่ในพื้นที่พนมสารคาม บางปะกง และในตัวเมืองฉะเชิงเทรา โดยราคาสินค้าที่ขายใหม่มากที่สุดจะอยู่ 2-3 ล้านบาทมีจำนวน 576 ยูนิต

ทำให้มีหน่วยสินค้าที่เสนอขายอยู่ในตลาดจำนวน 6,164 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 2,030 ยูนิต บ้านแฝด1,700 ยูนิต ทาวน์เฮ้าส์ 2,052 ยูนิต  และคอนโดฯ 231 ยูนิต แต่ขณะที่จำนวนสินค้าเหลือขายในตลาดสูงถึง 5,362 ยูนิต  เท่ากับว่ามีการขายสินค้าออกไปได้เพียง 850 ยูนิตเท่านั้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*