การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ยังพ่นพิษกับภาคธุรกิจอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่เร่งปรับตัวรับมือฝ่ากระแส ส่งผลยอดขาย รายได้ กำไร งวดไตรมาส 1 ปี 2564 เริ่มเป็นบวกในบางบริษัท โดยพี่ใหญ่ LH ซุ่มโตเงียบนำโด่ง รองลงมาเป็น AP และ SC ขณะที่ PF ผลกำไรติดลบ และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน)หรือ ANAN ทำได้เพียง 6 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปี 2564 เร่งอัดโปรโมชั่นฝ่าวิกฤติ หวังดันยอดขายรายได้ปลายปีตามเป้า
prop2morrow.com รายงานผลการดำเนินงานบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์งวดไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ทยอยประกาศออกมา พบว่า ส่วนใหญ่ทั้งรายได้ กำไรสุทธิปรับตัว “เพิ่มขึ้น” อย่างมีนัยสำคัญ จากทั้ง 13 บริษัท(รายละเอียดในตาราง) ดังนี้คือ
  • มียอดขายรวมเท่ากับ 62,415 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เท่ากับ 52,501 ล้านบาทหรือ “เพิ่มขึ้น” สัดส่วน 18.8%
  • มีรายได้รวมเท่ากับ52,697 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เท่ากับ 45,167 ล้านบาทหรือ “เพิ่มขึ้น” สัดส่วน 16.6%
  • มีกำไรสุทธิเท่ากับ6,894 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563เท่ากับ 5,634 ล้านบาทหรือ “เพิ่มขึ้น” สัดส่วน 22.3%

แม้ว่าประเทศไทยจะยังประสบกับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงขาลง และวิกฤติของโควิด-19 โดยเฉพาะระลอก 3 ที่ยังแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ผลประกอบการของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะต่างได้รับบทเรียนมาจากโควิด-19 ระลอก 1 มาแล้ว จึงสามารถปรับตัวและรับมือกันได้แบบหืดขึ้นคอ ด้วยการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด งัดหมัดเด็ดจัดโปรโมชั่นที่เร้าใจผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้มี 7 บริษัทที่มีผลประกอบการด้าน “รายได้เพิ่มขึ้น” คือ

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)หรือ LH ที่มีรายได้รวมเท่ากับ  7,140 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 5,048 ล้านบาท

-บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์  จำกัด(มหาชน)หรือ QH รายได้รวมเท่ากับ  1,868 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 1,626 ล้านบาท

บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI มีรายได้รวมเท่ากับ  6,827 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 6,527 ล้านบาท

-บริษัท เอพี(ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน) หรือ AP มีรายได้รวมเท่ากับ  10,773 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 6,820 ล้านบาท

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SC มีรายได้รวมเท่ากับ  3,965 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 3,313 ล้านบาท

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI มีรายได้รวมเท่ากับ  3,869 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 2,408 ล้านบาท

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ RML มีรายได้รวมเท่ากับ  1,599 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 424 ล้านบาท

ส่วนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มี “ยอดขายเป็นบวก” นั้นก็มีอยู่ถึง 9 บริษัท คือ

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ PS  มียอดขายเท่ากับ 6,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 6,069 ล้านบาท

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)หรือ LH  มียอดขายเท่ากับ 7,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 5,592 ล้านบาท

-บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์  จำกัด(มหาชน)หรือ QH  มียอดขายเท่ากับ 1,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 1,614 ล้านบาท

-บริษัท เอพี(ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน) หรือ AP  มียอดขายเท่ากับ 7,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 6,045 ล้านบาท

บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)หรือ SPALI  มียอดขายเท่ากับ 7,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 5,690 ล้านบาท

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SC  มียอดขายเท่ากับ 5,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 1,982 ล้านบาท

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI  มียอดขายเท่ากับ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 4,500 ล้านบาท

-บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) หรือ PF  มียอดขายเท่ากับ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 2,235 ล้านบาท

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ RML  มียอดขายเท่ากับ 1,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 366 ล้านบาท

ด้าน “กำไรสุทธิ” พบว่ามี 2 บริษัทที่โดดเด่น คือ

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)หรือ LH มีกำไรสุทธิ 1,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้เท่ากับ 922 ล้านบาท

บริษัท เอพี(ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน) หรือ AP  มีกำไรสุทธิ 1,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้เท่ากับ 618 ล้านบาท ซึ่งการที่ผลประกอบการของAP มีความโดดเด่นเพราะมีโครงการร่วมทุนกับ “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป”หลายโครงการนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/2564 ผู้ประกอบการอสังหาฯเองต่างก็ยังต้องมีการปรับตัวรับมือกับวิกฤติโควิต-19 อย่างต่อเนื่อง หลายรายมีการปรับแผนหันรุกตลาดแนวราบมากขึ้น บางรายยังเห็นช่องว่างตลาดคอนโดฯหันรุกคอนโดฯต่ำกว่าล้านบาท หรือล้านต้นๆ ขณะเดียวกันก็แข่งขันงัดกลยุทธ์ทางการตลาดจัดโปรโมชั่นรายเดือนอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากมาตรการรัฐที่ช่วยลดหย่อนค่าโอนและจดจำนอง ในบ้านและคอนโดฯที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จาก 2% เหลือ 0.01% ไปจนถึงสิ้นปี 2564 นี้  พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยกู้บ้านที่ถูกลงแล้วนั้น ยังมีการแข่งในด้านสงครามราคาที่บางโครงการมอบส่วนลดมากกว่า 30% ,อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน,ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์,ผ่อนต้น-ดอกเบี้ยให้นาน 36 เดือน เป็นต้น ในด้านผู้บริโภคเองก็มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลือกหาที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์ และใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่นานมากขึ้น ในขณะที่สถาบันการเงินเองก็ยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่ยากขึ้นเช่นกัน

คงต้องจับตาดูว่าแม้ว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาฉีดแล้ว จะช่วยลดปริมาณการติดเชื้อโรคกันอีกหรือไม่ หากมีตัวเลขการติดเชื้อที่ลดลง นั่นหมายถึงว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคธุรกิจอสังหาฯกลับมา ซึ่งอาจจะเป็นปลายปี 2564 หรือกลางปี 2565 เลยทีเดียว

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*