การรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านหรือคอนโดฯไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการขอสินเชื่อกับธนาคาร เพราะโดยปกติคนกู้ซื้อบ้านใหม่จำนวนไมน้ยหลังจากที่ผ่อนเงินงวดค่าบ้านครบ 3 ปีแล้วก็มักจะย้ายหนี้ค่าผ่อนบ้านไปผ่อนกับธนาคารใหม่เพื่อให้ตัวเองได้รับดอกเบี้ยที่ถูกกว่า โดยที่ผู้กู้ไม่จำเป็นต้องขอลดดอกเบี้ยบ้านหรือเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระ

แถมยังมีข้อเสนอและโปรโมชั่นเสริมให้เลือกมากกว่าแค่การลดภาระดอกเบี้ยให้ต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้กู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และยังมีรายได้สม่ำเสมอ แม้ว่ารายได้ส่วนหนึ่งอาจจะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ไปบ้างก็ตาม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยให้มุมมองว่า วัตถุประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านก่อนปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและช่วยให้ผ่อนค่างวดบ้านให้หมดไวขึ้น เนื่องจากส่วนต่างของดอกเบี้ยหลังจากที่สิ้นสุดโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 1-3 ปีแรกไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยจะขยับเพิ่มขึ้นประมาณ 3%

แต่ผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างการผ่อนตามสัญญากู้ยืมเดิมกับการทำรีไฟแนนซ์ใหม่แคบลงมาอยู่ในช่วง 0.50-1.75% ขึ้นอยู่กับธนาคารที่กู้ยืม ซึ่งช่วยลดทอนแรงจูงใจในการทำรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านของลูกค้าบางกลุ่มลง

โดยเฉพาะลูกค้าธนาคารขนาดใหญ่ที่สัญญาเดิมให้ส่วนลดดอกเบี้ยจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตาม MLR หรือ MRR เพราะล่าสุดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงได้ปรับตัวลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 เฉลี่ย 0.78% สำหรับดอกเบี้ย MLR มาอยู่ในระดับ 5.25-6.50% และลดลงเฉลี่ย 1.15% สำหรับดอกเบี้ยอ้างอิง MRR มาที่ระดับ 5.95-7.35% หลังจากที่ทรงตัวมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2561

แบงก์แข่งลดดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย3ปีไม่ถึง 3%
ล่าสุดหลายๆธนาคารได้แข่งกันออกโปรโมชั่นดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อัตราพิเศษมาเป็นนทางเลือกให้กับลูกค้า อาทิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3ปีแรกต่ำสุด  2.75% สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยคิดดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.75% ปีที่ 2=2.20% และปีที่ 3เป็นต้นไป MRR-1.75% (MRR= 6.05%) และฟรีค่าประเมินหลักประกันมูลค่า 3,210 บาท รวมทั้งขอกู้เพิ่มสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคชได้ด้วย ยื่นกู้ได้จนถึงวันที่ 31สิงหาคมนี้

ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต  มาพร้อมโปรโมชั่นดอกเบี้ยเฉลี่ย 3ปีแรก 2.69% สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนสนซ์พร้อมสมัครผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภทคือ ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน สไมล์ โฮมหรือสไมล์ พลัส สมัครบริการหักบัญชีอัตโนมัติผ่านบัญชีออมทรัพย์ และสมัครบัตรเครดิตทีทีบี โดยคิดดอกเบี้ย ปีแรก 1.89% ปีที่ 2=MRR-1.98% หลังจากนั้น MRR-1.63% (MRR=6.28%)

นอกจากนี้ยังฟรีค่าประกันอัคคีภัยประมาณ 1 พันบาทต่อปีต่อราคาบ้าน 1ล้านบาท ค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินกู้ สูงสุด 200,000 บาท ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าดำเนินการสินเชื่อ และค่านิติกรรมจำนอง

ส่วนธนาคารยูโอบี คิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 3ปีแรก 2.99%โดย 2ปีแรกคิดกดอกเบี้ยคงที่ 2.99 % ปีที่ 3=MRR-4.36% หลังจากนั้น MRR-1.60% (MRR=7.35%)

ธนาคารกสิกรไทย จัดโปรโมชั่นสินเชื่อรีไฟแนนซ์แบบพิเศษไม่เหมือนใคร ลดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว 3 ปีแรกสูงสุด 1.50%จากอัตราดอกเบี้ยเดิมของลูกค้า แต่เมื่อคำนวณแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 3.75% ในช่วง 3 ปีแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ย MRR – 1.50%

โดยอัตราดอกเบี้ยเดิมของลูกค้า ให้อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยท้ายของสัญญากู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเดิม (ฉบับหลัก) ของลูกค้า แต่ในกรณีที่ลูกค้าได้ปรับลดดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินเดิมมาแล้ว ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยท้ายของบันทึกข้อตกลงแนบท้ายเพิ่มเติมของสัญญากู้เงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (ฉบับหลัก)

ส่วนอัตราดอกเบี้ยหลังจากปีที่ 4เป็นต้นไป หากอัตราท้ายดอกเบี้ยเดิมของลูกค้าต่ำกว่า MRR – 1.50% ให้ได้เท่ากับอัตราท้ายเดิมของลูกค้า แต่ต้องไม่ต่ำกว่า MRR – 2.00%

ขอวงเงินกู้ส่วนเพิ่มบวกดอกเบี้ยเพิ่มจากสินเชื่อรีไฟแนนซ์ 0.5%
นอกเหนือจากการอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงแล้ว ธนาคารบางแห่งยังมีข้อเสนอให้ลูกค้าสามารถขอวงเงินสินเชื่อส่วนเพิ่มได้ในอัตราดอกเบี้ยที่บวกเพิ่มจากวงเงินรีไฟแนนซ์บ้านแค่ 0.5% เท่านั้น จากเดิมที่การขอวงเงินสินเชื่อส่วนเพิ่มจะถูกคิดเป็นวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงอยู่ในระดับเฉลี่ย 10-20% ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร

เช่น ธนาคารยูโอบี มีโปรโมชั่นให้กับลูกค้ากู้รีไฟแนนซ์บ้านพร้อมวงเงินกู้เอนกประสงค์ คิดดอกเบี้ย 2 ปีแรก 3.49% ปีที่ 3= MRR-3.86% หลังจากนั้น MRR-1.60% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3ปีแรกอยู่ที่ 3.49%

ธนาคากสิกรไทย มีข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการวงเงินกู้เพิ่มจากยอดสินเชื่อบ้านคงค้างของวงเงินสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินส่วนเพิ่มขึ้นอีก 0.5% ของอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับตลอดอายุสัญญากู้

ส่วนธนาคารอีกหลายแห่งได้เพิ่มเงื่อนนไขพิเศษให้ลูกค้าสามารถขอกู้ได้สูงสุดเมื่อรวมกับวงเงินรีไฟแนนซ์แล้ว 100% ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งโดยปกติการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านต้องไม่สูงกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่เท่านั้นเพื่อคงสิทธิ์การขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

และที่สำคัญยังสามารถเลือกขยายระยะเวลาการผ่อนชำระใหม่ได้นานขึ้นจนถึงอายุผู้กู้เมื่อจบสัญญาไม่เกิน 70 ปี ซึ่งช่วยลดภาระการผ่อนต่อเดือนให้ลงได้ ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจสำหรับผู้กู้บางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูรายได้ให้กลับเข้าสู่ปกติก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

Tips สำหรับมือใหม่เตรียมรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
-ควรหาข้อมูลเบื้องต้นจากเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อเสนอการรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโดฯจากธนาคารต่าง ๆ จากนั้นให้เข้าเว็บไซต์ธนาคารที่เลือกไว้เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าข้อเสนอตรงกับโจทย์การรีไฟแนนซ์ของเราหรือไม่ โดยคัดเลือกธนาคารที่สนใจขอสินเชื่อไว้ 3-4 ราย เพื่อเปรียบเทียบ

-หลังจากเลือกธนาคารที่สนใจได้แล้ว ต้องตรวจสอบว่าสัญญากู้ยืมเดิมครบกำหนด 3 ปีในวันไหน และกำหนดวันเริ่มสัญญาใหม่หลังจากนั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนดที่เรียกเก็บสูงสุด 3% ของยอดหนี้ที่เหลืออยู่

-ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน การขอลดดอกเบี้ยบ้าน หรือการรีไฟแนนซ์บ้านแบบเพิ่มวงเงินกับธนาคารที่จะกู้ว่าสามารถทำได้หรือไม่

-เตรียมสำเนาเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ทั้งเอกสารส่วนบุคคลสำหรับยืนยันตัวตนและรายได้ (สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบทะเบียนสมรส สลิปเงินเดือน/เอกสาร 50 ทวิ และรายการเดินบัญชี) เอกสารแสดงหลักประกัน (สำเนาโฉนด ใบรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด) และสำเนาสัญญากู้ยืมเดิม ใ​บเสร็จรับเงินจากการชำระค่างวดอย่างน้อย 6-12 งวดล่าสุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*