กลุ่มคนที่มีช่วงอายุระหว่าง 25 – 44 ปี มีจำนวนลดลงแบบเห็นได้ชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องต่อไปในอนาคต เพราะอัตราการเกิดใหม่ของประชากรไทยลดลงแบบที่กล่าวไปแล้ว ความต้องการที่อยู่อาศัย หรือในด้านอื่นๆ ในอนาคตจะได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมว่าที่อยู่อาศัยที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน ทั้งที่มีการขายไปแล้ว และยังไม่ได้ขายหรือรอการขายอยู่นั้นจะกลับมาเป็นที่อยู่อาศัยที่สามารถขายต่อได้เช่นกัน เป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมมือสอง มือสามในตลาด ถ้าสภาพของที่อยู่อาศัยนั้นยังสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้

ในทางกลับกันจำนวนของผู้สูงอายุกลับมาทิศทางที่มากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่ากลุ่มของคนอายุ 25 – 44 ปี โดยกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปในปี พ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้นมากกว่า 42% จากปี พ.ศ. 2554 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ต่อปี ในขณะที่กลุ่มคนที่มีอายุในช่วงระหว่าง 25 – 44 ปี ลดลงในอัตราประมาณ 7% จากปี พ.ศ. 2554 หรือลดลงประมาณ 1% ต่อปี ซึ่งอาจจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เพราะกลุ่มที่มีกำลังซื้อยังลดลงในอัตราที่น้อยกว่าชัดเจน แต่ถ้าอัตราการขยายตัวเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ ก็เป็นไปได้ที่กลุ่มคนอายุ 25 – 44 ปีจะมีสัดส่วนไม่แตกต่างจากกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปในอนาคต ซึ่งจะมีผลกระทบต่อหลายอย่างแน่นอน

การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อขายจึงไม่ใช่แนวทางการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว เพราะทุกคนมองเห็นปัญหาที่รออยู่ในอนาคตอยู่แล้ว เพียงแต่จะให้พวกเขาเลิกกิจการ หรือประกาศปิดบริษัทไปเลย เพราะดูแล้วอนาคตค่อนข้างน่าเป็นห่วงก็ไม่ใช่วิถีของคนทำธุรกิจ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องหาช่องทางอื่นๆ เพื่อรักษารายได้ของบริษัท และเพื่อขยายกิจการ รวมไปถึงรักษาการขยายตัวของบริษัทให้คงอยู่ต่อไป

ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาจึงเห็นได้ว่าผู้ประกอบการโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมจึงพยายามพูดถึงหรือพยายามเข้าถึงกำลังซื้อชาวต่างชาติมากขึ้น เพื่อต้องการกำลังซื้อเข้ามาทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการเองก็ไม่สามารถที่จะหยุดหรือเลิกการเปิดขายโครงการใหม่ได้ การได้กำลังซื้อจากต่างประเทศเข้ามาจึงเป็นหนึ่งในช่องทางการระบายสินค้าของพวกเขา

แต่สุดท้ายแล้วกำลังซื้อต่างชาติก็ยังไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมที่สุด เพราะเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ที่มีผลต่อพวกเขา เช่น ค่าเงินรูเบิลตก 40% ทำให้กำลังซื้อรัสเซียหายไปจากตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาแทบจะทันที หรือการห้ามเดินทางออกนอกประเทศเพราะโควิด-19 ก็มีผลให้กำลังซื้อต่างชาติทั้งหมดหายไปจากตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะกำลังซื้อชาวจีนที่กลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ผู้ประกอบการหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาการไม่โอนกรรมสิทธิ์หรือติดต่อผู้ซื้อต่างชาติไม่ได้ในช่วงปีที่ผ่านมา จนมีผลให้ผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาในเรื่องของรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

เรื่องนี้มีผลให้ผู้ประกอบการเริ่มมองหาแผนการประกอบธุรกิจในระยะยาวมากขึ้น และหลายบริษัทลงมือทำทันทีในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากว่าโควิด-19 เป็นตัวเร่งชั้นดีให้ทุกบริษัทจำเป็นต้องหาช่องทางในการประกอบธุรกิจใหม่ๆ หรือขยายขอบเขตในการทำธุรกิจของตนเองให้ออกไปจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยจากที่เคยเป็นแผนในระยะยาวก็จำเป็นต้องเร่งให้แผนธุรกิจอื่นๆ นั้นเดินหน้าเร็วขึ้น หรือถ้ายังไม่สามารถประกอบธุรกิจนั้นๆ ได้เองก็จำเป็นต้องหาผู้ร่วมทุนที่มีความชำนาญหรือเป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจนั้นๆ อยู่แล้ว รวมไปถึงการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทนั้นๆ เพื่อเป็นเจ้าของทันที แต่ให้ทีมงานชุดเดิมบริหารกิจการต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*