แอสเซทไวส์โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 โตสวนกระแสโควิด-19  รายได้รวมแตะ 1,134.2 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่ง 156.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% หลังรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ 9 เดือนมีรายได้รวม 3,415.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น56.9%  ชี้โค้งสุดท้ายปีนี้มีสัญญาณดีหลังรัฐบาลสั่งเปิดประเทศ แบงก์ชาติปลดล็อก LTV หนุนกำลังซื้อฟื้นตัว

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564ว่า มีรายได้รวมสูงถึง 1,134.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 674.4 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 156.8  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90.5 ล้านบาท

ส่งผลให้ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 3,415.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น56.9% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,176.5 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 735.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136 % จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 311.5 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการเคฟ ทียู มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ได้รับกระแสตอบรับดีมาก สามารถทำยอดขายได้กว่า 90% ส่งผลให้บริษัทสามารถโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 นี้ด้วย รวมทั้งโครงการโมดิซ สุขุมวิท 50 มูลค่า 2,100 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  เนื่องจากสินค้าของบริษัทสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด ขณะเดียวกันมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการในปี2564 จะเติบโตประมาณ 20%”

ทั้งนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) มูลค่ากว่า 7,600 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วง 2-3  ปีข้างหน้า  รวมถึงมีการเปิดตัว 2 โครงการใหม่เพิ่ม คือ โครงการแอทโมซ บางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท เปิดตัวไปเมื่อช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนได้เปิดตัวโครงการแอทโมซ ศรีราชา มูลค่า 1,100 ล้านบาท  ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

เนิ่องจากบรรยากาศโดยรวมของประเทศในช่วงปลายปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากนโยบายการเปิดประเทศของรับบาล ทำให้ภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการ LTV ช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการหาซื้อที่อยู่อาศัยตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโดฯได้เร็วขึ้น ส่งผลดีต่อกลุ่มสินค้าสร้างเสร็จพร้อมโอน ซึ่งบริษัทมีกลุ่มสินค้าให้ลูกค้าเลือกหลากหลายทั้งคอนโดฯใกล้แนวรถไฟฟ้าแบรนด์โมดิซ  สำหรับกลุ่มคนทำงานและครอบครัวที่ต้องการเดินทางแบบสะดวกสบาย และแบรนด์แอทโมซ  เป็นคอนโดฯใกล้มหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาและคนทำงานในมหาวิทยาลัย รวมทั้งแบรนด์เคฟ กระจายอยู่ในหลายทำเลทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*