พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” พยายามศึกษาธุรกิจใหม่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากการพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว ต้องทำสัดส่วน portfolio ให้มีความหลากหลาย

จุดเริ่มต้นที่ทำให้อนันดาฯก้าวข้าสู่การพัฒนา “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” (Serviced Apartments) เพื่อสร้างโปรดักส์ในรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากขึ้น “โก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา” ในฐานะประธานเจ้าหน้าบริหารบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ที่พยายามมองหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาบริหารงานร่วมกัน จนมารู้จักกับ “Ascott” ที่ทำให้เกิดโอกาสใหม่ของการลงทุนในธุรกิจและการเป็นพันธมิตรร่วมกัน ซึ่งไม่เพียงแค่ธุรกิจ Service Apartment เท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจอื่นที่หลากหลาย โดยตั้งเป้าจะมีรายได้ประจำ (Recurring Income) กว่า 20% คาดว่าจะสามารถบันทึกเป็นรายได้ภายใน 5 ปี

ทำไม? อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ ถึงไม่พัฒนา Service Aparment ด้วยตัวเอง…! โก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา ให้คำตอบแบบไร้ข้อกังขา ที่เกี่ยวข้องว่า Volume กับ Economy of Scale จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่เริ่มตั้งแต่การหาลูกค้าเข้าใช้บริการ รวมทั้งการต่อรองกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการจองห้องพักเพื่อการค้นหาที่สะดวกขึ้นและปรากฎบนหน้าแรกของการค้นหาบนอินเตอร์เน็ต ดังนั้นการจะทำอะไรที่ใหญ่ระดับโลกจึงจำเป็นต้องเลือกพันธมิตรเบอร์ 1 อย่าง Ascott ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทางอนันดาฯ การพัฒา Service Apartment เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ,กลุ่ม บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด หรือ Mitsui Fudosan และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (The Ascott Limited) หรือ Ascott ปัจจุบันร่วมพัฒนา Service Apartment จำนวน 5 แห่ง มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท และจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในปี 2565 ทั้งหมด ซึ่งธุรกิจ Service Apartment มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) สูงถึง 55% และเป็นธุรกิจที่อยู่ตรงกลางระหว่าง คอนโดมิเนียมกับโรงแรม 5 ดาว

Service Apartment ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่

1.Ascott Thonglor มูลค่า 3,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 2.96 ไร่ ความสูง 41 ชั้น จำนวน 451 ยูนิต ระดับ Upper Class 5 ดาว ห่างจาก BTS ทองหล่อ 300 เมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการ พฤษภาคม 2565

2.Ascott Embassy Sathorn มูลค่า 3,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 2.51 ไร่ ความสูง 37 ชั้น จำนวน 393 ยูนิต ระดับ Upper Upscale 5 ดาว ห่างจาก BTS ช่องนนทรี 600 เมตร และ ห่างจาก MRT ลุมพินี 1.1 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการ มิถุนายน 2565

3.Somerset Rama 9 มูลค่า 2,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 3.42 ไร่ ความสูง 35 ชั้น จำนวน 445 ยูนิต ระดับ Upscale 4 ดาว ห่างจาก MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 500 เมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายเดือน ธันวาคม 2564

4.LYF sukhumvit Soi 8 มูลค่า 700 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 0.88 ไร่ ความสูง 8 ชั้น จำนวน 196 ยูนิต ระดับ Midscale 3 ดาว ห่างจาก BTS นานา 150 เมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2565

5.Somerset Blue Coast Pattaya มูลค่า 1,900 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 4.23 ไร่ ความสูง 24 ชั้น จำนวน 324 ยูนิต ระดับ Upscale 4 ดาว บนถนนพัทยาสาย 2 คาดว่าจะเปิดให้บริการ มิถุนายน 2565

โดยมีราคาค่าเช่าเริ่มต้นที่ประมาณ 1,600 บาทต่อวัน ถึง ประมาณ 3,000 บาทต่อวัน โดยเน้นเจาะกลุ่มดีมานด์ของการเข้าพักอาศัยแบบ Long Stay บนทำเลใจกลางเมืองและย่านสำคัญของการท่องเที่ยว

“ในการพัฒนาคอนโดฯเราพยายามหา “โลเคชั่น” ที่ดีที่สุด ซึ่ง “Service Aparment” ก็เช่นกัน 5 โครงการของเราตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นทำเลทองหล่อ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น เกาหลี หรือจะเป็นย่านสาทรก็เช่นเดียวกันก็มีหลากหลายบริษัทที่มีสำนักงานในย่านสาทร และกระจายไปย่านสีลมอีกด้วย หรือย่าน New CBD อย่างพระราม 9 ที่เต็มไปด้วยแหล่งงานของทั้งชาวไทยชาวต่างชาติ ซึ่งมีดีมานด์ค่อนข้างมากกระจายอยู่ทั่วเมือง ส่งผลให้ความต้องการเข้าพักยังคงมีอย่างต่อเนื่อง” ชานนท์กล่าว

อนาคตอสังหาฯขายฮาร์ดแวร์อย่างเดียวไม่ได้
มันหมดยุคแล้ว มันเป็นยุค Full Integrations
การร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

หากเปรียบเทียบธุรกิจอสังหาฯเป็นอุปกรณ์อิล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์ “คอนโดมิเนียม” เปรียบเสมือนฮาร์ดแวร์ เพียงด้านเดียว อนาคตของอสังหาฯที่ โก้-ชานนท์ เรืองกฤตยา มองเห็นนั่นคือการขายสินค้าร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ นั่นคือสังหาฯในรูปแบบที่มีการบริการ Service on Demand เพื่อรองรับการอยู่อาศัยจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถือเป็นโรดแมปของบริษัทฯมาโดยตลอด

การขยายธุรกิจใหม่ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” (Serviced Apartments) ถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่อนันดาฯ โดยพร้อมขยายธุรกิจนี้ให้ใหญ่ขึ้นในอนาคต โอกาสของการเติบโตทางธุรกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย จะแรงหนุนให้ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าอย่างไรประเทศไทยก็ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี ซึ่งตอนนี้อนันดาฯพร้อมแล้วสำหรับการเปิดให้บริการทั้ง 5 โครงการ

แผนการดำเนินงานและแนวทางในปี 2565 ของอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ อ่านเพิ่มเติม>>> “อนันดา” เปิดเกมรุก ปั้น 3 แบรนด์ใหม่ ลุยเปิด 7 New Projects พร้อมส่งโครงการ Super Luxury โปรดักส์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*