แสนสิริประกาศเป้าหมายระยะยาว 3 ปีเปิดตัวโครงการใหม่รวม 1.5 แสนล้านบาท พร้อมเป้ายอดขายรวม 1.2 แสนล้านบาท ลุยปี’65 เปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้าน พร้อมตั้งเป้ายอดขาย – ยอดโอน 3.5หมื่นล้านบาท เน้นขับเคลื่อนองค์กรด้วย 3 กุญแจสำคัญ PROFIT –  PEOPLE – PLANET 

นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า บริษัทได้วางแผนระยะยาวภายใน 3 ปีนับจากปีนี้จะเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาท โดยในปี 2565 วางแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ มูลค่า 39,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 18 โครงการ มูลค่า11,000 โครงการ

โดยเฉพาะคอนโดฯแบรนด์เดอะ เบส จะมีการเปิดตัว 4 โครงการมูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส จะเปิดตัวจำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนจะนำบ้านเดี่ยวในระดับลักซ์ชัวรีแบรนด์ “นาราสิริ” กลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 8,300 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาสแรกนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30%

ขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นเจาะตลาด Affordable Segment มากถึง 50% รองรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัดแต่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีจำนวนมากในตลาด โดยจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่รองรับลูกค้ากลุ่มนี้จำนวน  23 โครงการ มีทั้งคอนโดฯแบรนด์เดอะ มูฟ, ดีคอนโด และคอนโด มี ส่วนสินค้าทาวน์เฮ้าส์ จะมีแบรนด์อณาสิริและสิริ เพลส

ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนการเติบโตในปีนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ “STEP BEYOND”  ด้วย 3 กุญแจขับเคลื่อนองค์กรคือ  PROFIT –  PEOPLE – PLANET โดยในส่วนของ Profit นั้นบริษัทจะมุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และความแข็งแกร่งขององค์กร

ส่วน PEOPLE จะเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้” “YOU-centric ให้ทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ทั้งพนักงาน ลูกค้า และสังคม อาทิ การส่งเสริมความเสมอภาคในพนักงานทั้งในด้านการเติบโตและสวัสดิการของคนทุก

ขณะที่ PLANET จะมุ่งมั่นการเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว โดยวางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ฯรายแรกของไทยที่วางเป้าหมายเป็น Net-zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยในปีนี้จะทำให้โครงการของแสนสิริใช้พลังงานสะอาด ด้วยการติดตั้ง Solar Roof ในส่วนกลางของโครงการใหม่ 100% รวมทั้งติดตั้ง Solar Roof ในบ้านทุกหลังของโครงการใหม่ในระดับบน 100% รวมถึงระบบไฟฟ้าในสวนต้องเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ 100% ทุกโครงการ

นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ของแสนสิริจะต้องมี EV Charger 100% ในปีนี้ รวมทั้งบ้านทุกหลังในโครงการระดับบนของโครงการใหม่จะต้องมี EV Charger 100%ด้วยเช่นกัน

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมา นายเศรษฐากล่าวว่า นับเป็นอีก1ปีที่มีความท้าทายที่แสนสิริผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการเน้นการเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อตอบรับเรียลดีมานด์ และเน้นการเปิดตัวโครงการ Affordable Segment ในราคาเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะคอนโดฯแบรนด์คอนโด มี ราคาต่ำล้าน ที่ปิดการขายได้ทันทีที่เปิดจองโครงการแรก คือ คอนโด มี นวนคร รวมถึงคอนโดฯแบรนด์ เดอะ มูฟ  ราคาล้านต้น ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้ง 5 โครงการที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ แบรนด์บูก้าน จำนวน 14 ยูนิต ปิดการขายได้หมดภายในระยะเวลา 4 เดือน

ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2564 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้  ด้วยยอดขาย 33,500 ล้านบาท มาจากกลุ่มสินค้าบ้านแนวราบมากถึง 22,400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29% จากเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และยอดโอน 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21% จากเป้ายอดโอน 27,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดโอนของคอนโดฯ 18,300 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 14,200 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*