สิ้นสุดการรอคอยกว่า 6 ปี ที่วันนี้ EIA Approove เป็นที่เรียบร้อย

ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง
SUPALAI LOFT RATCHADA-WONG SAWANG

เดิมทีแปลงที่ดินนี้ศุภาลัยเคยพัฒนาเป็นแบรนด์ “ศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา” ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ “ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง” ที่ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยและพร้อมเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะเข้ามาเป็นลูกบ้านของศุภาลัย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตร เตรียมเปิด Pre-sale ในวันที่ 22-23 มกราคม 2565 สนใจลงทะเบียน https://bit.ly/3djjgo5 หรือโทร 1720

คอนโดมิเนียม
ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
ถือเป็นกลุ่มสินค้า
ที่ยังจับต้องได้
และมีความต้องการสูง

เต-ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลในงานแถลงข่าวเปิดตัว “ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง” (SUPALAI LOFT RATCHADA-WONG SAWANG) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 โดยชี้ให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสินค้าในระดับราคานี้ ขณะที่คอนโดมิเนียระดับบนที่มีราคาสูงจะกลายเป็นกลุ่มสินค้าที่เกิดภาวะ Over Supply เนื่องจากถูกเติมเข้ามาในตลาดสำหรับกลุ่มชาวต่างชาติ แต่วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางเข้ามาภายในประเทศส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯต้องหันมาพึ่งดีมานด์ภายในประเทศเท่านั้น และตลาดของคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่สูงมาก

สิ่งที่ลูกค้ากำลังจะตัดสินใจซื้อคอนโดฯเพื่อเป็นบ้านหลังแรกมักจะมองหา คือ ใกล้ที่ทำงาน ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้พัฒนาอสังหาฯมองเห็น แต่สิ่งที่ เต-ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม มองลึกลงไปกว่านั้น คือ ปัจจุบันห้องในรูปแบบ 1 Bedroom เริ่มต้นที่ขนาด 20 กว่าตารางเมตร ถือเป็นเรื่องที่พัฒนาให้อยู่ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท “ไม่ยาก” แต่สิ่งที่ “ยาก” คือ การพัฒนาห้องในรูปแบบ 1 Bedroom ที่สบายตัวจากการอยู่อาศัยโดยให้ห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นตั้งแต่ 30 – 40 ตารางเมตร ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นกัน ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย

“การทำคอนโดฯที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท มันยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะห้องที่มีขนาดใหญ่ แม้การเริ่มต้นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 22 ตารางเมตร ในราคาแสนต้นๆอาจจะทำได้ก็ตาม แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ ในสภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในราคาที่จับต้องได้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น และมีราคาที่ยังไม่เกิน 3 ล้านบาท” เต-ไตรเตชะ กล่าว

แปลงที่ดินของโครงการมีลักษณะทอดยาวแนวเส้นตรง หรือลักษณะแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ยาวไปตลอดทางกว่า 9 ไร่ ทำให้ทางเลือกของการพัฒนาตัวอาคารจึงมีข้อจำกัดที่สามารถพัฒนาได้ตามแปลงที่ดินเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุดและเต็มพื้นที่ โดยโครงการฯเลือกที่จะทำอาคารสูง 18 ชั้น ให้สอดคล้องกับพื้นที่ชุมชนโดยรอบและถูกแบ่งอาคารออกเป็น 3 ทาวเวอร์เพื่อเปิดรับอากาศและแสงแดดให้หมุนเวียนอย่างทั่วถึง

Project Info

ชื่อโครงการ : ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงสว่าง

ที่ตั้งโครงการ : ถนนรัชดาภิเษก แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ

พื้นที่โครงการ : ประมาณ 9-2-66.8 ไร่

ประเภทที่พักอาศัย : อาคารชุดพักอาศัยสูง 18 ชั้น (รวมดาดฟ้า) จำนวน 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์

จำนวนยูนิต : 1,309 ยูนิต (ห้องพักอาศัย 1,302 ยูนิต , ร้านค้า 7 ยูนิต)

สถานที่ใกล้เคียง

700 เมตร รพ.เกษมราษฎร์

1.1 กม. MRT สถานีวงศ์สว่าง

1.2 กม. ทางด่วนประชาชื่น

1.5 กม. ทางด่วนรัชดาภิเษก

3.8 กม. เมเจอร์รัชโยธิน

4.5 กม. เซ็นทรัลลาดพร้าว

ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งใหม่ของศุภาลัยที่ยกระดับ ทั้งความทันสมัย สเปคของวัสดุและอุปกรณ์ที่ทางโครงการให้ การออกแบบดีไซน์ที่ตอบโจทย์ มีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้นทลายกำแพงที่ใครๆต่างเรียกว่า “ป้าศุ” ลงอย่างสิ้นเชิง อยากให้ลองเข้ามาดูโครงการจริงให้เห็นกับตา ที่กล้าการันตีได้ว่า “ศุภาลัย” พัฒนาโครงการออกมาไม่แพ้ใคร!!!

นิยาม “ลอฟท์” ของศุภาลัยไม่ได้หมายถึงห้องลอฟท์แบบ 2 ชั้น แต่เป็นการตกแต่งและวัสดุที่ใช้โดยเป็นสไตล์ลอฟท์ คือ ความคงเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมและวัสดุอุปกรณ์ เน้นความดิบๆ เท่ๆ โชว์วัสดุผิวจริง ความเปลือยเปล่าของโครงสร้าง การใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว โทนสีออกไปทางสีโทนเข้ม เทา ดำ น้ำตาล ขาว อิฐ เน้นแสงสว่างจากธรรมชาติ แต่สำหหรับที่นี่ไม่เพียงแค่การตกแต่งสไตล์ “ลอฟท์” เท่านั้น แต่เป็นครั้งแรกที่ศุภาลัย พัฒนา “ห้องแบบลอฟท์” 2 ชั้นขึ้นมา เพื่อทดลองตลาดและอาจจะได้เห็นในโครงการต่อไปหลังจากนี้

โครงการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “LOFT Mosphere อีกชั้นบรรยากาศของการใช้ชีวิต” ที่ทางศุภาลัยต้องการสร้างชั้นบรรยากาศของการอยู่อาศัย โดยนำ Facilities ทั้งหมดไว้บนชั้น Rooftop ของอาคาร แรงบันดาลใจจากภูเขาสูง ถูกนำมาวางเป็นคอนเซ็ปต์หลักของการพัฒนา “ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง” การอยู่อาศัยในพื้นที่สูง ที่เริ่มตั้งแต่พื้นราบสู่ยอดเขาจึงก่อให้เกิดความหลากหลายของมุมมองและการพักผ่อน ที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น

มักจะเห็นการพยายาม
พิชิตยอดเขา
หรือความพยายาม
ขึ้นไปบนที่สูง
เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

พื้นที่ในแต่ละชั้นจะแตกต่างกันออกไปซึ่งเปรียบเสมือนลักษณะของภูเขาตามภูมิประเทศที่ไล่ระดับตั้งแต่ชั้นดิน หิน ลำธาร ต้นไม้ ไปจนสู่ยอดเขา ซึ่งเป็นการเปิดมุมมองใหม่ที่แตกต่างกันออกไปตามชั้นของการอยู่อาศัย ตัวอาคารจึงถูกใช้เส้นสายแนวตั้งที่ให้ความรู้สึกแข็งแรง มั่นคง โทนสีจะเน้นไปทาง Earth Tone จากสีเข้มไล่สีอ่อนขึ้นไป จนไปถึงชั้น 18 ชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นชั้น Facilities ที่จะเน้นสีโทนสว่าง สีอ่อน ดูแล้วสบายตา เปรียบดั่งท้องฟ้า ก้อนเมฆ

บริเวณด้านหน้าของโครงการจะตกแต่งด้วยสวนสีเขียวสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ รวมทั้งยังช่วยกรองฝุ่น ดูดซับควันพิษจากพื้นที่ถนนใหญ่ และสร้างความเป็นส่วนตัวให้เกิดขึ้นกับผู้อยู่อาศัยในโครงการ

โครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ถูกออกแบบเป็น 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ ที่ถูกวาง Charactor ให้แตกต่างกันไปรองรับการใช้งานที่สอดคล้องตามการอยู่อาศัย ซึ่งประกอบด้วย

ทาวเวอร์ C เป็นอาคารด้านหน้าสุด เน้นกลุ่ม Office Worker เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกอยู่ใกล้กับถนนใหญ่การเดินทางเข้า-ออกง่าย การเดินเข้าที่พักอาศัยจะไม่ไกลมากเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน Facilities บนอาคารนี้จะประกอบด้วย Cloud-working Space , Ozone Garden ที่รองรับกิจกรรมของลุ่ม Office

ทาวเวอร์ B สำหรับกลุ่ม Healthy & Active สายกิจกรรมและรักษ์สุขภาพ ที่เน้นการดูแลรักษาสุขภาพเป็นประจำ Facilities บนอาคารนี้จะประกอบด้วย Backyard Garden , Sky Fitness และ Cloud-Living เพื่อรองรับการทำกิจกรรมสม่ำเสมอ

ทาวเวอร์ A อยู่ด้านในสุดของโครงการ ถูกวางให้เป็นพื้นที่อาคารสำหรับการอยู่อาศัยแบบคครอบครัว เพราะว่าเป็นกลุมที่มีกำลังซื้อ การอยู่ด้านในสุดของโครงการจะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากลดการพลุกพล่านของการใช้ชีวิตลงเมื่อเทียบกับอาคารที่ติดกับถนน Facitities บนอาคารนี้จึงประกอบด้วยพื้นที่สำหรับครอบครัว Sky Playground , Relaxing Pavilion และ Infinity-Horizon Pool เพื่อการทำกิจกรรมร่วมกัน

โดยที่ Facilities ทั้งหมดจะถูกวางไว้ส่วนบนสุดของอาคารทั้ง 3 ทาวเวอร์ เชื่อมต่อด้วย Skywalk ที่สามารถเดินใช้ Facilities ในส่วนของทาวเวอร์อื่นได้ รวมทั้งเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงโดยเฉพาะในเรื่องของการวิ่งทำให้โครงการตั้งใจพัฒนา Skyline Jogging Track บนอาคารทั้ง 3 ทาวเวอร์ ที่มีความยาวประมาณ 340 เมตร ไป-กลับ รวมระยะทางกว่า 600 เมตรเลยทีเดียว Lobby ถูกแยกตามอาคารพักอาศัยและลิฟต์โดยสารเป็นแบบล็อคชั้น

Lobby

Fitness

Co-working

Co-Living

Pool

สำหรับใครที่กำลังกังวลในเรื่องของ Facilities ที่อยู่ด้านบนอาคาร โดยเฉพาะห้องที่อยู่ด้านล่างบริเวณใต้สระว่ายน้ำ กลัวว่าจะมีน้ำรั่วซึมลงห้องพักอาศัยหรือไม่? ทางโครงการใส่ใจในรายละเอียดและป้องกันปัญหาด้วยการออกแบบแบ่งชั้นเลเยอร์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่รองรับและยกลอยไม่ให้ติดกับพื้นหรือเพดานของห้องชั้นล่างโดยตรงเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องของเสียง ลดการสั่นสะเทือนและการรั่วซึมของน้ำที่ทำให้ลูกบ้านสบายใจได้

นอกจากนี้โครงการยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับยุค New Normal นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งานรวมทั้งลดการสัมผัสให้น้อยที่สุด รวมทั้งจุด Drop off สำหรับการรับส่งสินค้าเพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ตลอดจนการพัฒนาโครงการฯในรูปแบบ Universal Design เพื่อรองรับผู้พิการหรือคนที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ โดยมีจุดให้บริการอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

พาชมห้องตัวอย่างโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง

โครงการค่อนข้าง Open ให้ผู้ซื้อหรือลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการห้องชุดแบบ Fully Fitted เฉพาะห้องเปล่า ซึ่งจะได้ส่วนลดเพิ่มเติม หรือ ห้องชุดแบบ Fully Furnished ที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์เพียงแค่ลากกระเป๋าก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันที โดยทั้งสองแบบส่วนลดและเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับขนาดห้องพักอาศัย แอบแนะทริคเล็กๆสำหรับใครที่อยากได้เพิ่มเติมก็ลองกระแซะๆแกมหยอกกับเซลล์ที่โครงการดูเผื่อว่าเขาจะใจดี

ทางโครงการเตรียมเปิด Pre-sale ในวันที่ 22-23 มกราคม 2565 สนใจลงทะเบียน https://bit.ly/3djjgo5 หรือโทร 1720

สำหรับห้องครัวและห้องน้ำวัสดุที่ทางโครงการตกแต่งให้ ได้เหมือนกันทุกยูนิตตามแบบห้องตัวอย่างที่ทางโครงการทำไว้ให้ดูยกเว้นอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ

ห้องครัวเกือบทุกยูนิตจะได้เป็นครัวปิด โครงการติดตั้งอุปกรณ์ของ Hafele ให้ทั้งหมด เป็นชุดครัว Built-in พร้อม Hub+Hood พร้อมทั้งติดตั้งตู้เก็บของโดยท้อปครัวเป็นเมลามิน ซึ่งสามารถทนรอยขีดข่วนได้ดีและทนคามร้อน ความชื้น มองด้วยตาให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ ผิวสัมผัสคล้ายเนื้อไม้ขัดเนียน ที่เข้ากับการตกแต่งสไตล์ลอฟท์ของโครงการ

ห้องน้ำ โครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแบบนิรภัยมาให้ แยกระหว่างพื้นที่เปียกกับแห้งเพื่อช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วย อุปกรณ์ภายในห้องน้ำเป็นของแบรนด์ Hafele เช่นกัน สีดำที่ให้ความรู้สึกเท่และทันสมัย สุขภัณฑ์ของ TOTO

ประตูติดตั้ง Digital Door Lock ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยจากการอยู่อาศัยมากขึ้น ความสูงของห้อง (Floor-to-Ceilinng) สูง 2.2 เมตร

โครงการมีห้องให้เลือกในรูปแบบที่หลากหลาย โดยถูกแบ่งออกเป็น 5 Type ประกอบด้วย

1) Studio ขนาด 28.0 ตารางเมตร

2) 1 Bedroom ขนาด 34.5 – 35.0 ตารางเมตร

3) 1 Bedroom Plus ขนาด 43.0 – 45.5 ตารางเมตร

4) 2 Bedrooms ขนาด 48.0 – 64.5 ตารางเมตร

5) 1 Bedroom Loft ขนาด 47.00 – 48.00 ตารางเมตร

แม้จะมีห้อง Type เริ่มต้นที่ Studio ขนาด 28.0 ตารางเมตร ที่ใครหลายคนอาจมองว่าสามารถพัฒนาเป็นห้อง 1 Bedroom ได้แล้ว แต่สำหรับ ศุภาลัย อยากให้ห้องขนาด 1 Bedroom เป็นห้อง 1 Bedroom จริงๆ สามารถรองรับทั้งการอยู่อาศัย การใช้งาน ที่มีพื้นที่มากเพียงพอไม่ต้องการให้รู้สึกอึดอัดจึงเลือกที่พัฒนาห้องขนาด 28 ตารางเมตร ในรูปแบบ Studio อยู่ โดยห้องพักเฉลี่ยในโครงการจะเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.5 ขึ้นไป

1 Bedroom Type 1A2
ขนาด 35 ตารางเมตร

โครงการกั้นพื้นที่ระหว่างห้องนอนกับ Living Area ด้วยกระจกบานสไลด์ขอบอลูมิเนียมสีขาวที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู ทันสมัยมากขึ้น โดยพื้นเป็นวัสดุ SPC หรือ กระเบื้องยาง SPC ผิวสัมผัสคล้ายกับลามิเนต มีความทนทานต่อความชื้นดีกว่า การดูแลรักษาง่ายทั้งกวาด ดูดฝุ่นหรือใช้ผ้าชุปน้ำเช็ดหมาดๆ ควรระวังในเรื่องของน้ำยาทำความสะอาด ซึ่งแนะนำให้ใช้เพียงน้ำเปล่าก็เพียงพอ รวมทั้งไม่ควรลแว็กซ์ขัดเคลือบผิวเนื่องจากจะไปกัดสารที่คลือบอยู่บนพื้นผิวของกระเบื้องให้หลุดออก ซึ่งทางโครงงการติดตั้งเป็นลายไม้ให้ที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม

ผนังห้องติดตั้งวอลเปเปอร์สีขาวให้เพื่อความสะอาดตาและดูMinimalเรียบง่ายแต่ยังคงความสวยงาม

พื้นที่ Living Area มีขนาดใหญ่และพื้นที่เหลือ สำหรับการอยู่อาศัยคนเดียวหรือ 2 คน การเลือกใช้โซฟาที่มีเล็กทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นและไม่อึดอัด หรือสำหรับคนที่ชอบความโอ่อ่า จะตกแต่งด้วยโซฟาขนาดใหญ่หรือเลือกใช้โซฟาทรง L Shape ก็ยังได้เช่นกัน โดยยังคงมีระยะห่างที่ติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่ 55 – 60 นิ้ว

พื้นที่รับประทานอาหารโครงการจัดให้ดูแบบ 2 ที่นั่ง แต่จริงๆสามารถทำได้ถึง 4 ที่นั่งก็ยังไม่อึดอัด แต่หากใครที่ชอบความโล่งก็แนะนำให้ทำแบบ 2 ที่นั่งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

เมื่อเดินตรงเข้ามาในตัวห้องพื้นที่ครัวจะอยู่ทางด้านข้างที่ถูกแยกออกมาให้ดูเป็นสัดส่วนสำหรับห้องที่ได้ครัวปิดโครงการจะติดตั้งกระจกบานสไลด์ที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับกระจกกั้นห้องนอน โดยมีพื้นที่เชื่อมต่อเข้ากับห้องน้ำ ข้อดีคือในกรณีที่มีแขกมาหาแล้วต้องการเข้าห้องน้ำ จะไม่ผ่านเข้าห้องนอนซึ่งจะช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวขึ้น แต่ด้วยห้องน้ำที่อยู่ติดกับฝั่งด้านประตูใกล้ทางเดินของแต่ละชั้นทำให้ไม่มีช่องระบายอากาศอาจต้องใช้การดูแลรักษาบ่อยๆ เนื่องจากห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่ถูกใช้งานทุกวัน ความชื้น ความอับ จะเกิดขึ้นอาจจำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยระบายอากาศหรือดับกลิ่น หรือหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง

ห้องนอน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุตได้ และมีพื้นที่เหลือรอบเตียงเดินได้รอบอย่างสบายๆให้ความรู้สึกไม่อึดอัด

พื้นที่ห้องนอนจะเชื่อมต่อกับระเบียงโดยสามารถเปิดออกไปชมวิวเมือง โดยติดตั้งกระจกบานสไลด์สีเขียวตัดแสงขอบ UPVC ที่ช่วยเก็บเสียงจากภายนอกให้ลดลง โดยกระจกด้านนอกของห้องพักทุกยูนิตเป็นแบบเดียวกันทุก Type โดยพื้นที่ระเบียงด้านนอกจะแขวนคอมเฟรสเซอร์แอร์ไว้เพื่อให้มีพื้นที่เหลือ สามารถทำเป็นพื้นที่ซักล้างได้ด้วย

ด้วยห้องนอนที่มีลักษณะแบบยาวทำให้มีพื้นที่บริเวณปลายเตียงเหลือ สามารถทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องสำอางค์สำหรับสาวๆ หรือจะทำเป็นมุมกระจกสำหรับการแต่งตัวเช็คความพร้อมก่อนออกไปทำงานในแต่ละวันก็ได้ หรือหากใครที่รักการทำงานพื้นที่ส่วนนี้ก็สามารถทำเป็นโต๊ะทำงานได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

โดยจะมีพื้นที่ด้านในอีกส่วนหนึ่งโครงการออกแบบให้ดูเป็นตัอย่าง ตกแต่งเป็นห้องเก็บเสื้อผ้าให้ลักษณะแบบ Walk-in-Closet ย่อมๆ เมื่อเข้าไปยืนแล้วรู้สึกไม่อึดอัดมีพื้นที่เหลือเพียงพอในการเคลื่อนไหวและพลิกตัวไปมา พื้นที่ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับผู้พักอาศัยว่าชอบการตแต่งแบบไหนจะบิ้วท์ตู้เสื้อผ้าเพิ่มหรือทำเป็นราวแขวนเสื้อผ้าเลยก็ดูเก๋และสะดวกต่อการหยิบใช้ พื้นที่ส่วนนี้โครงการติตดตั้งกระจกแบบบานกระทุ้งมาให้เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องถึงทำให้ห้องดูสว่างขึ้น

โครงการพยายามติดตั้งกระจกให้ในทุกพื้นที่โดยเฉพาะภายในห้องที่เป็นด้านนอกของอาคารข้อดีคือช่วยลดความอับชื้น แสงสว่างสามารถส่องถึงได้ตลอดเวลา เปิดรับลมธรรมชาติ ที่ทำให้อากาศหมุนเวียน แต่ด้วยอุณหภูมิในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนดังนั้นแนะนำให้ติดผ้าม่านเพิ่มเพื่อช่วยรองแสง ทำให้ห้องเย็นขึ้น และลดการมองเห็นจากบุคคลภายนอก

1 Bedroom Type 1C2
ขนาด 35 ตารางมตร

สำหรับห้องที่น่าสนใจคือ 1 Bedroom Type 1C2 ขนาด 35 ตารางมตร ถ้าได้ลองเข้าไปดูห้องตัวอย่างของจริงที่สำนักงานขายจะเห็นว่าแม้การทำห้องตัวอย่างที่มีขนาดตารางเมตรเท่ากันแต่การจัดฟังก์ชันห้องที่แตกต่างกันทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่ลงตัวมากขึ้นเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันที่ทั้งทำงาน พักผ่อน Work From Home เหล่า Youtuber หรือ การขายสินค้าออนไลน์ โดยห้อง Type นี้ จะได้มุม Favorite Corner ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้พื้นที่เพิ่มขึ้นที่แทบจะเคลมเป็น 1 Bedroom Plus ได้เลยทีเดียว มุม Favorite Corner สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน

รูปแบบของห้องจะคล้ายคลึงกันกับห้อง Type ที่แล้ว โดยห้องจะเป็นโซน Living Area ห้องครัว ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ และกั้นพื้นที่ระหว่าง Living Area ด้วยกระจกบานสไลด์

โดยเมื่อเข้ามายังห้องนอนพื้นที่ในส่วนแรกจะเป็น Favorite Corner และถัดไปด้านในจะเป็นห้องนอน

มุม Favorite Corner ถือเป็นมุมที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมากรองรับกับยุควิถีใหม่ โดยพื้นที่ให้ส่วนนี้หากต้องการทำให้เป็นสัดส่วนชัดเจนแนะนำให้หาม่านสวยๆมาติดตั้งเพิ่มเพื่อกั้นระหว่างห้องนอนกับมุม Favorite Corner ซึ่งจะทำให้ดูเรียบร้อยขึ้นในกรณีที่ต้องประชุมงาน ขายของออนไลน์ หรือทำกิจกรรมที่ต้องเปิดกล้อง เพื่อกั้นสายตาและปกปิดพื้นที่ส่วนตัว

แต่หากใครที่ไม่ได้มีกิจกรรมที่ต้องเปิดกล้องบ่อยนัก หรือ ชอบพื้นที่แบบเปิดโล่งมากกว่าก็สามารถทำได้เช่นกันเหมือนห้องตัวอย่างที่ทางโครงการตกแต่งไว้ โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน พฤติกรรมของผู้อาศัยเป็นสำคัญ รวมทั้งความชอบส่วนตัว

สำหรับห้องที่เป็นไฮล์ไลท์คงหนีไม่พ้นห้องในรูปแบบ “ลอฟท์” เป็นครั้งแรกของศุภาลัยเพื่อชิมรางและทดลองตลาดก่อนที่จะเกิดขึ้นในโครงการต่อไปจากนี้ โดยห้องลอฟท์มีเพียง 24 ยูนิตเท่านั้น สำหรับห้องลอฟท์จะเป็นห้องที่พัฒนาแบบถูกต้องผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์เต็มพื้นที่ โดยมีหนังสืออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแบบที่น้อยโครงการจะสามารถพัฒนาได้ โดยห้องลอฟท์สูง 4.8 เมตร และพื้นที่บริเวณชั้นบนสามารถกั้นเป็นห้องปิดได้ ในราคาเพียง 3.20 – 3.61 ล้านบาทเท่านั้น

ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของศุภาลัยที่ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแต่ยังรวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆที่ถูกนำเข้ามาใช้งานใน “โครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง” ที่ตอบรับเทรนด์กับคนรุ่นใหม่ได้เป็นอยู่ดี ทำเลการเดินทางที่สะดวกกใกล้กับแหล่งเมืองทั้งรัชโยธิน ลาดพร้าว จตุจักร รวมทั้งรถไฟฟ้าที่ทางโครงการบริการลูกกบ้านรับ-ส่งด้วย Shuttle Service ทำให้การอยู่อาศัยที่นี่สะดวกยิ่งขึ้น

ราคาเปิดขายใหม่ในระดับที่จับต้องได้และเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการของตลาดสูง ควบคู่กับขนาดห้องที่ตอบโจทย์ และตอนนี้ทางโครงการพร้อมเปิด Pre-sale ในวันที่ 22-23 มกราคม 2565 ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตร สนใจลงทะเบียน https://bit.ly/3djjgo5 หรือโทร 1720 ถือเป็นก้าวใหม่ของ “ศุภาลัย” ที่ให้ทั้งความคุ้มค่าของพื้นที่การอยู่อาศัย และความคุ้มค่าของการใช้ชีวิต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*