กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ คาดการณ์ จีดีพีในประเทศปี 65โต 3.5-4% ช่วยหนุนธุรกิจอสังหาฯ-รับสร้างบ้านฟื้นตัว หวั่นวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงส่งผลขาดแคลนแรงงาน ราคาบ้านปรับขึ้นตามต้นทุน ระบุเทรนด์ออกแบบปีเสือเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าวิถีใหม่ ตั้งเป่ายอดขายรวมแตะ 1,000 ล้านบาท
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์  เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ในปี 2564 ที่ผ่านมา ในส่วนของยอดขายมีการเติบโตที่ดีขึ้นมากจากปี 2563 ประมาณ 20%  ทำให้ผลประกอบการรวมเป็นไปตามคาดการณ์ของเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของแผนงานในการส่งเสริมการตลาดที่รุกหนักอย่างต่อเนื่องทั้งด้านออฟไลน์และออนไลน์เพื่อส่งเสริมการขายตลอดปีที่ผ่านมา รวมถึงในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานของงานก่อสร้างที่กลุ่มบริษัทฯทุ่มเทและเน้นย้ำทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นที่จะเลือกสร้างบ้านกับกลุ่มบริษัทฯ โดยเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ในช่วงกลางปี 2564 เป็นต้นมากำลังซื้อของลูกค้าในกลุ่ม Real Demand เริ่มกลับคืนสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจในภาพรวมค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นผลทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่ทำให้คลายกังวล รวมถึงบางส่วนมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นของราคาบ้านจากราคาวัสดุที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อในปี 2565 ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านของกลุ่มลูกค้า และมีการติดต่อสอบถามเข้ามามากขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในปี 2565 สถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศมองว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2564 พอสมควรตามการคาดการณ์ภายใต้สมมุติฐานของจีดีพีในไทยที่คาดโต 3.5 – 4% ซึ่งจะช่วยหนุนให้ธุรกิจอสังหาฯ-รับสร้างบ้านฟื้นตัวและโตขึ้น ถึงแม้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน”(Omicron) ซึ่งจากข้อมูลวิจัยต่างๆที่ออกมาว่าเป็นสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้มากและค่อนข้างเร็ว แต่สถิติการป่วยหนักอาจไม่สูงมากนัก ซึ่งหากภาครัฐมีการวางแผนรับมือและแนวทางจัดการรักษาความเชื่อมั่นและพยุงเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นต้นไป

ด้านราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2564 ที่ผ่านมามีดัชนีราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2563 มากพอสมควรประมาณร้อยละ 10.4 และมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2565  นี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเกือบทุกหมวดของราคาสินค้าโดยเฉพาะเหล็ก อลูมิเนียม ฯลฯ อีกทั้งการขยับขึ้นของราคาน้ำมันที่มีผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างและเงินเฟ้อของประเทศด้วย โดยจากตัวเลขดังกล่าวผู้ประกอบการ จึงมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาบ้านขึ้นตามต้นทุนของวัสดุ ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะยิ่งมีโครงการก่อสร้างมากมากขึ้น และจะก่อให้เกิดปัญหาแรงงานขาดแคลนโดยเฉพาะแรงงานฝีมือที่เป็นผลให้ราคาค่าแรงสูงขึ้นตามไปด้วย

โดยแนวโน้มความต้องการสร้างบ้านปี 2565 นี้ ลูกค้ายังคงให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานงานก่อสร้างมาเป็นอันดับแรก ซึ่งเทรนด์การออกแบบปีนี้จะเน้นการดีไซน์ตัวบ้านให้มีความทันสมัยหลากหลายดีไซน์ มาพร้อมกับฟังก์ชันที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์โลกวิถีใหม่ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในยุคโควิด-19 ลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญและมองหาที่อยู่อาศัยที่มีฟังก์ชันยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้น ทั้งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อน หรือแม้แต่การออกแบบเพื่อรองรับวัยผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้นการการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคอนเซ็ปต์หลักในปีนี้

สำหรับเป้าหมายในปี 2565  กลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่าการเติบโตของภาคอสังหาฯ-ธุรกิจรับสร้างบ้าน จะฟื้นตัวได้ดีและสามารถเติบโตได้มากกว่า 10%  โดยในส่วนของกลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เป็นเป้าการเติบโตเดียวกับปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งการที่กลุ่มบริษัทฯ ยังไม่ปรับเป้าให้สูงขึ้นนั้น เพื่อต้องการรักษาสมดุลในการบริหารงานทั้งเรื่องของยอดขายให้สามารถควบคู่กับคุณภาพและการบริการในงานก่อสร้างของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้รับความพึงพอใจจากการตัดสินใจสร้างบ้านกับกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ อย่างสูงที่สุด

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*