ในปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวและเคลื่อนไหวในเชิงรุกมากขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย    ส่งผลให้ผู้ซื้อคัดเลือกสินค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น รวมถึงมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย  ทั้งในตลาดที่พักอาศัย พื้นที่สำนักงาน รวมถึงตลาดโรงแรม

นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจาก 0.9% จากปี 2564 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าและภาคการส่งออกเป็นหลัก  รวมถึงนโยบายและมาตรการของรัฐบาลต่อสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง2ไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังเป็นช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีความเสี่ยงหลายประเด็นที่ต้องจับตามองในปีนี้

สำหรับภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่แล้ว ถือเป็นปีที่ซบเซาสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง เพราะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องมาเกือบ 3 ไตรมาส   ขณะที่อัตราการขายสินค้าใหม่ทำได้ยากขึ้น เพราะกำลังซื้อในตลาดโดยรวมลดลง เนื่องจากกำลังซื้อกลุ่มชาวต่างชาติหายไปจากตลาด ทำให้ต้องหันมาทำการตลาดเพื่อขายให้กับคนไทยเป็นหลัก แต่ในส่วนของความต้องการบ้านแนวราบยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง

ดังนั้นในปีนี้ ผู้ประกอบการอสังหาฯจะต้องให้ความระมัดระวังการเปิดโครงการใหม่อย่างรอบคอบ ต้องมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อในประเทศ เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไรหายไปจากตลาด  โดยคาดว่าอัตราการขายคอนโดฯยังคงชะลอตัว เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้ออยู่เองมักจะใช้เวลาในการตัดสินใจนานกว่า ยกเว้นตลาดคอนโดฯที่อยู่ใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือมีเครือโรงแรมบริหาร (Branded Residence ยังมีความต้องการซื้อจากกลุ่มผู้ปกครองอยู่ต่อเนื่อง

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวรรณ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย กล่าวว่า ปีนี้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ซื้อที่ซื้ออยู่เองจะมีความซับซ้อน ผู้ประกอบการต้องใช้กลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้นเพื่อขายยูนิตที่ยังคงเหลือ  ขณะเดียวกันยังต้องสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับตัวโครงการอีกด้วย โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ซื้อที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเองที่เปลี่ยนแปลงไป  โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยว ที่ผู้ซื้อมีความต้องการบ้านที่มีพื้นที่เอนกประสงค์กว้าง พื้นที่สีเขียวในบ้าน ห้องครัวที่มีทั้งครัวไทยและครัวฝรั่งที่สามารถใช้งานได้จริง รวมไปถึงบ้านแบบ Double Volume และระบบ Home Automation

คอนโดฯมือสองทำเลดีราคาไม่ตก
สำหรับตลาดรีเซลล์หรือตลาดบ้านมือสอง  นางสาวปพิณริยา พึ่งเขื่อนขันธ์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย กล่าวเสริมว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมีผลดีทำให้มีการปล่อยยูนิตห้องชุดที่หายากออกมาเสนอขายเพิ่มขึ้น ส่วนการซื้อขายใบจองสำหรับคอนโดฯที่อยู่ระหว่างงก่อสร้างหรือใกล้จะสร้างเสร็จ อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะอาจจะมีบางโครงการที่ชะลองานก่อสร้าง รวมถึงก่อสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนด

แต่สำหรับคอนโดฯมือสองที่อยู่ในทำเลซีบีดีและมีการดูแลสภาพแวดล้อมของโครงการดี ยังสามารถทำราคาขายต่อได้ในราคาที่สูง เช่น คอนโดฯในย่านวิทยุ ต้นสน และหลังสวน อายุคอนโดฯที่มีกว่า 30ปี ราคาขายเดิม 2 หมื่นกว่าบาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 1.5-2.2 แสนบาทต่อตารางเมตร

เทรนด์การทำงานรูปแบบไฮบริดกำลังมาแรง
สำหรับทิศทางของตลาดพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อีฯให้ความเห็นว่า การนำรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน(ไฮบริด)มาใช้ในที่ทำงานจะมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และรักษาการมีส่วนร่วมและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานไว้ได้   ดังนั้นผู้ประกอบการที่กำลังก่อสร้างก่อสร้างออฟฟิศใหม่เพื่อปล่อยเช่าจะต้องสร้างมาตรฐานในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม (ESG) มากขึ้น

เนื่องจากบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ได้มีการกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป   ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออาคารสำนักงานเก่าหลายแห่งที่ไม่สามารถปรับสถานที่ทำงานให้เข้าสู่ยุคใหม่ได้  หากไม่ปรับปรุงหรือปรับโฉมใหม่จะกลายเป็นอาคารที่ล้าสมัย ซึ่งปัจจุบนมีอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯประมาณ 70% ที่มีอายุการใช้งานเกิน 20 ปี

โรงแรมนำเสนอโปรโมชั่น-แพ็กเกจใหม่ ดึงดูดลูกค้าในประเทศ 
สำหรับตลาดโรงแรมในปีนี้ยังคงต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังคงผันผวนอยู่   ทำให้โรงแรมต้องนำเสนอโปรโมชันและแพ็กเกจใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดความต้องการในประเทศ  โดยเฉพาะการพักผ่อนแบบ”Staycation” หรือการไปพักผ่อนในสถานที่ใกล้ ๆ  จะไม่ใช่เทรนด์ใหม่อีกต่อไป

ขณะที่ภายในสิ้นปี 2565 นี้จะมีห้องพักใหม่สร้างเสร็จเพิ่มขึ้นในตลาดกรุงเทพฯกว่า 7,400 ห้อง ซึ่งจะทำให้ปริมาณห้องพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 6.7%   ดังนั้นผู้ประกอบการอาจจะทบทวนการเปิดตัวโรงแรมใหม่ว่าจะเปิดเต็มรูปแบบ เปิดเพียงบางส่วน หรือชะลอการโครงการไว้ก่อน   รวมถึงอาจจะหาช่องทางอื่นในการสร้างรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแทน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*