ปฏิเสธไม่ได้ว่า วิกฤต COVID-19 ที่กินเวลากว่า 2 ปี มีผลกระทบต่อแทบทุกธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมีข้อมูลว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 2562 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี 2563 ที่มีการชะลอตัวมากที่สุด นับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง

แต่รู้หรือไม่ว่า ท่ามกลางวิกฤตเหล่านี้ ยังมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้สภาพเศรษฐกิจและภาพรวมอุตสาหกรรมจะไม่สู้ดีนัก แล้วเรื่องราวของบริษัทนี้มีความน่าสนใจอย่างไร?

“บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป” ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดย คุณศุภโชค ปัญจทรัพย์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่มีประสบการณ์ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มากว่า 15 ปี มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิด Urbanized Living หรือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งในกลุ่มตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (นิชมาร์เก็ต)

แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป เน้นให้ความสำคัญกับทั้งพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ใช้สอย บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้ที่ทำงาน และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในระยะเวลา 8 ปี แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป พัฒนาโครงการไปแล้ว 7 โครงการ

ดูผิวเผินเหมือนจำนวนไม่มาก แต่ถ้าดูความโดดเด่นของทำเล และรูปแบบที่แตกต่างกันแล้ว เรียกได้ว่า โครงการของ แอสเซทไฟว์ กรุ๊ป ทั้งแนวราบและแนวสูง สามารถตอบโจทย์เรื่องที่อยู่อาศัย และครอบคลุมผู้บริโภคในหลากหลายเซกเมนต์ จนทำให้บริษัทฯ สามารถคว้ารางวัลสุดยอดนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งปี 2562 จากเวที PropertyGuru Thailand Property Awards ซึ่งเป็นเวทีอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย โดย แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป ได้รับทั้งหมด 4 รางวัล คือ

  • Winner : Best Housing Architectural Design (Bangkok) (การออกแบบสถาปัตยกรรม)
  • Winner : Best Housing Development (Bangkok) (การพัฒนาบ้าน)
  • Winner : Best Recognition in CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม)
  • Highly Recommended : Boutique Developer (นักพัฒนาโครงการบูติก)

ปัจจุบัน แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป มีบ้านเดี่ยว “VANA RESIDENCE” และคอนโดมิเนียม “TONSON ONE RESIDENCE” ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยแบบ Super Luxury เป็นโครงการ Masterpiece ของบริษัทฯ ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น และทำเล เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งการซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ และลงทุนระยะยาว

สำหรับ โครงการ วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยวหรูคอนเซปต์ใหม่บนที่ดินกว่า19 ไร่ เป็นตัวบ้าน 3 ชั้นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงอายุ ซึ่งแบบบ้านเปิดรับแสงและลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ พร้อมการออกแบบที่เน้นพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้จริง และมีจุดเด่นเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ Timeless design และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยโครงการมีการวางผังเป็นซอยย่อย ๆ ซอยละ 4 แปลง จึงทำให้บ้านแต่ละหลังเป็นแปลงมุมและมีความเป็นส่วนตัวสูง ตัวบ้านออกแบบในรูปแบบ Modern Luxury ทำให้ดูหรูหราแบบทันสมัย

โครงการ วนา เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่บนถนน ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) มีสถานที่สำคัญใกล้เคียงโครงการ อาทิ ห้าง Market Place กรุงเทพกรีฑา, โรงเรียนนานาชาติ Brighton College Bangkok, โรงเรียนนานาชาติ Wellington College Bangkok, Assumption University หรือ ABAC เป็นต้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวและต้องการให้ลูกเรียนในโรงเรียนนานาชาติ

ในส่วนโครงการ TONSON ONE RESIDENCE ตั้งอยู่ในซอยต้นสน ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิต ซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยตัวอาคารมีลักษณะเป็นอาคารสูง (High Rise) 29 ชั้น ที่มาพร้อมความเป็นส่วนตัว (Privacy) สูงสุดด้วยจำนวนห้องชุดเพียง 80 ยูนิต และมีจำนวนยูนิตสูงสุดเพียงแค่ชั้นละ 4 ยูนิต ซึ่งทำให้ทุกยูนิตเป็นห้องหัวมุมทั้งหมด พร้อมลิฟต์ส่วนตัว (Private Lift) ทุกห้อง โดยมีรูปแบบของห้อง 5 รูปแบบคือ ห้องแบบ 1 Bedroom, ห้องแบบ 2 Bedroom, ห้องแบบ 3 Bedroom รวมถึงห้องแบบ Penthouse และ Duplex Penthouse

นอกจากนี้ แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป ยังมีโครงการย่อยที่เจาะตลาดรายได้ปานกลาง คนรุ่นใหม่ ไปจนถึงครอบครัว ด้วยความที่โครงการหลักต่างเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งมีรายได้มั่นคง และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับผู้บริโภคในกลุ่มอื่น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตแข็งแกร่ง โดยล่าสุดในงวดไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 662.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 109.2 ล้านบาท

และเพื่อสร้างความแตกต่างให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ จากนี้ แอสเซทไฟว์ กรุ๊ป จะใช้กลยุทธ์ Asset for Infinite Valuable Experiences ซึ่งหมายถึงการพัฒนาโครงการจากการทำความเข้าใจพฤติกรรมเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่ม Gen Y ที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างประสบการณ์อันแตกต่างและล้ำค่า ผ่านการผสมผสาน DNA 5 ข้อในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ คือ

  1. Asset ที่เป็น Real Asset จริง ๆ ในทางบัญชีที่จะต้องเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต สะท้อนมาที่การเลือกทำเลที่มีศักยภาพต่อการพัฒนา
  2. Legacy ต้องพัฒนาโครงการให้มีคุณค่า ให้สวยงามไร้กาลเวลา ให้ส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นได้
  3. Freedom เป็นสถานที่สามารถให้อิสระของเวลา และอิสระของฟังก์ชันการใช้งาน สะท้อนมาที่การพัฒนาตัวบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอและปรับให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของได้
  4. Family เพราะสังคมที่ดีเริ่มต้นที่บ้าน สะท้อนมาที่การพัฒนาโครงการเน้นความปลอดภัย-ความเป็นส่วนตัว รวมถึงการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมของสมาชิกในครอบครัว
  5. Aspiration ต้องเป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หรือสะท้อนความสำเร็จในตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงพอเห็นภาพแล้วว่า การทำธุรกิจนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็น Big Player ในตลาด แต่ถ้ามีเป้าหมายชัดเจน และสามารถสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของตัวเอง ก็มีโอกาสทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ไม่แพ้บริษัทใหญ่ ๆ เลยทีเดียว…..

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*